ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จับมือ กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เเละคณะทำงานระดับภาคทั้ง 6 ภาค ได้แก่ เหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง ตะวันออก ใต้ และใต้ชายแดน เผยเเพร่ SDG Index ระดับจังหวัดของประเทศไทย โดยข้อมูลชุดนี้เป็นผลจากการวิจัยภายใต้ โครงการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน หรือ “Area Need” มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเป็นฐานข้อมูลตั้งต้นเเก่ สกสว. สำหรับวางเเผนดำเนินการระบบวิจัย วิทยาศาสตร์ เเละนวัตกรรม (ววน.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับพื้นที่ โดยไม่ได้สภาพบังจังหวัดใดเป็นการเฉพาะ
โดยศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) ดำเนินการร่วมกับเครือข่ายภาควิชาการในภาคต่าง ๆ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อหาความท้าทายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ในระดับภาคในแต่ละภาค ซึ่งสะท้อนถึงการบูรณาการบทบาทและความร่วมมือระหว่าง สกสว. และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน
00 – ข้อควรทราบก่อนอ่านรายงาน
กระบวนการสำคัญของ Area Need 3 คือการจัดทำ ‘ดัชนีการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับจังหวัด’ หรือที่เรียกว่า ‘Provincial SDG Index’ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการวัดและติดตามความก้าวหน้าด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละพื้นที่ ผ่านการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลระดับชาติที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ควบคู่กับการวิเคราะห์ช่องว่างของข้อมูล ผ่านกระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อนำเสนอข้อมูลความท้าทายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับภูมิภาคและรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับพื้นที่ ที่จัดทำโดย ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การประเมินสถานะเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับจังหวัด ผ่านการใช้ข้อมูลทุติยภูมิในระดับภายในประเทศ (sub-national) เพื่อการประเมินสถานะของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รายจังหวัดหรือเมืองในประเทศ โดยในต่างประเทศ มีการใช้ SDG Index ในการประเมินระดับเมืองและระดับรัฐมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมาในหลายประเทศ ดำเนินการโดยเครือข่าย SDSN Thailand นอกจากนี้ในประเทศไทยยังมีการใช้ข้อมูลทุติยภูมิประเมินสถานการณ์ในประเทศที่สอดคล้องกับ SDGs โดยงานที่สำคัญคืองานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่พัฒนาตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในปี พ.ศ. 2564 ที่จัดระบบตามแบบ 5Ps (People Prosperity Planet Peace และ Partnership) และงานที่โครงการพัฒนาเเห่งสหประชาชาติ (UNDP) ทำร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ในการจัดทำ Provincial SDG Profile ในปี พ.ศ. 2566
การจัดทำ SDG Index ระดับจังหวัด เบื้องต้นเน้นใช้ตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับดัชนีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากลเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากมีตัวชี้วัดระดับจังหวัดอื่นที่สอดคล้องกับเป้าหมายย่อยของ SDGs แม้ไม่ถูกรวมอยู่ในดัชนีสากล ก็อาจพิจารณานำมาบรรจุเพิ่มเติมได้ เหตุผลสำคัญคือ การยกระดับคะแนนและสถานะของประเทศไทยในดัชนีสากล จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่สะท้อนสถานการณ์จริงภายในประเทศอย่างครบถ้วน การมีตัวชี้วัดที่เชื่อมโยงทั้งระดับสากลและระดับพื้นที่ จะช่วยให้สามารถระบุปัญหาเชิงพื้นที่ได้ชัดเจนและจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหาและพัฒนาสถานะตัวชี้วัดเหล่านั้นต่อไป
| วิธีการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี มี 3 ขั้นตอน ได้แก่
1. การทบทวนวรรณกรรม (literature review): ดำเนินการสำรวจและรวบรวมตัวชี้วัดจากหลายแหล่ง ได้แก่ SDG Index, รายงานความยั่งยืนระดับกลุ่มจังหวัด, SDG Profile, และรายงานสถานะตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ พ.ศ. 2566 จากนั้นจึงทำการคัดเลือกตัวชี้วัดที่เหมาะสม พร้อมกำหนด Proxy Indicator และระบุตัวชี้วัดที่จะใช้ในโครงการ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำรายการตัวชี้วัดระดับจังหวัดของประเทศไทยที่มีความสอดคล้องกับตัวชี้วัดของดัชนีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากลพร้อมทั้งระบุข้อมูลของตัวชี้วัดทั้งหน่วยงานเจ้าของข้อมูล รอบของการจัดเก็บและรายงาน
2. การรวบรวมข้อมูล (data collection): ดำเนินการดึงข้อมูลหรือขอความอนุเคราะห์ข้อมูลระดับจังหวัดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำหนดกฎเกณฑ์และค่าเป้าหมายต่าง ๆ ข้อมูลดิบตามรายการที่จัดทำไว้ในข้อแรก โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลหลากหลาย เช่น ฐานข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และการประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของข้อมูลอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นให้ได้ข้อมูลย้อนหลังอย่างน้อย 5 ปี หากสามารถเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2558 จะเป็นประโยชน์สูงสุด เนื่องจากช่วยให้สามารถวิเคราะห์และแสดงแนวโน้มของสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน
3. การวิเคราะห์ข้อมูล (data processing and analysis): รวบรวมข้อมูลตัวชี้วัดลงในเทมเพลตการคำนวณ จากนั้นจึง normalization ค่าข้อมูลให้อยู่ในช่วง 0 ถึง 100 และคำนวณ ค่าเฉลี่ยตามเป้าหมาย ทั้งในระดับจังหวัดและระดับภาค พร้อมระบุประเด็นท้าทายของแต่ละจังหวัด สำหรับการกำหนดระดับสีของตัวชี้วัด จะใช้กระบวนการทางสถิติในการจัดกลุ่มข้อมูล โดยพิจารณารายการตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย ค่าต่ำสุด และค่าที่ใช้ในการแบ่งระดับสี
01 – สถานการณ์ภาพรวมดัชนี SDG ระดับประเทศ
ภาพรวมการบรรลุ SDGs ระดับประเทศของไทย จากการคำนวณพบว่าประเทศไทยมีคะแนน SDG Index เฉลี่ยที่ 54.34 คะแนน โดยแต่ละจังหวัดมีคะแนนอยู่ในช่วง 62.38 และ 32.74 คะแนน โดยจังหวัดขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีคะแนนสูงที่สุด มีค่าเท่ากับ 62.38 คะแนน ในขณะที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีคะแนนต่ำที่สุด มีค่าเท่ากับ 32.74 คะแนน
โดยเมื่อพิจารณารายมิติทั้ง 5Ps ตามที่องค์การสหประชาชาติแบ่งเป้าหมาย 17 ข้อ ออกเป็น 5 กลุ่ม พบว่า ในมิติ Planet (มิติด้านสิ่งแวดล้อม) เป็นมิติที่มีคะแนนสูงที่สุด โดยมีคะแนนเท่ากับ 66.58 คะแนน รองลงมาคือ มิติ Peace (มิติด้านสันติภาพและสถาบัน) มีคะแนนเท่ากับ 66.24 คะแนน มิติ Prosperity (มิติด้านเศรษฐกิจ) มีคะแนนเท่ากับ 51.6 คะแนน มิติ People (มิติด้านสังคม) มีคะแนนเท่ากับ 48.21 คะแนน และ มิติ Partnership (มิติด้านหุ้นส่วนการพัฒนา) เป็นมิติที่มีคะแนนต่ำที่สุด โดยมีคะแนน 34.42 คะแนน
จากการวิเคราะห์ภาพรวมดัชนี SDG ระดับประเทศ ทั้ง 6 ภาค สามารถอธิบายรายละเอียด ได้ดังนี้
- ภาคเหนือ คะแนนมีการกระจายตัวค่อนข้างหลากหลายโดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูง เช่น ลำพูน พิจิตร และจังหวัดที่มีคะแนนต่ำ เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่ สะท้อนถึงความแตกต่างของการพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละพื้นที่
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คะแนนมีการกระจายมีคะแนนเฉลี่ยในระดับภาคที่ใกล้เคียงกับคะแนนเฉลี่ยในระดับประเทศ โดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงกว่า 60 คะแนนขึ้นไป เช่น บึงกาฬ ขอนแก่น มหาสารคาม ขณะเดียวกันมีจังหวัดที่มีคะแนนต่ำอย่างผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ศรีสะเกษ มุกดาหาร แต่โดยภาพรวมในทุกจังหวัดมีคะแนนเฉลี่ยที่อยู่ในระดับปานกลาง
- ภาคกลาง คะแนนมีการกระจายคะแนนเฉลี่ยในระดับภาคที่สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยในระดับประเทศ โดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงกว่า 60 คะแนนขึ้นไป เช่น นนทบุรี ขณะเดียวกันมีจังหวัดที่มีคะแนนต่ำอย่างผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นในภาคกลาง เช่น ชัยนาท แต่โดยภาพรวมในทุกจังหวัดมีคะแนนเฉลี่ยที่อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี กล่าวคือมากกว่า 54 คะแนน
- ภาคตะวันออก คะแนนมีการกระจายตัวค่อนข้างใกล้เคียงกันโดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงสุด ได้แก่ ตราด และจังหวัดที่มีคะแนนต่ำสุด ได้แก่ สระแก้ว สะท้อนถึงความยั่งยืนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่
- ภาคใต้ คะแนนมีการกระจายค่อนข้างใกล้เคียงกันโดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงอย่างสงขลา ไปจนถึงจังหวัดที่มีคะแนนต่ำ นครศรีธรรมราช สะท้อนถึงความแตกต่างของการพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละพื้นที่
- ภาคใต้ชายแดน จังหวัดในภาคใต้ชายแดนคะแนนมีการกระจายที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อยู่ในช่วง 40-50 คะแนน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคใต้ชายแดนยังคงมีช่องว่างในการพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ดังนั้น การกระจายตัวของคะแนนในแต่ละภาคสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างจังหวัด ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความแตกต่างในการเข้าถึงทรัพยากร โอกาส และบริการพื้นฐาน ในภาพรวมระดับประเทศ พบว่าจังหวัดที่มีคะแนนต่ำอาจเผชิญกับความท้าทายเชิงระบบที่ซับซ้อน ทั้งข้อจำกัดด้านงบประมาณ บุคลากร และความสามารถในการบริหารจัดการ
02 – จังหวัดที่มีคะเเนน SDG Index น่าสนใจ
หากพิจารณาตามอันดับและคะแนน พบว่าจังหวัดที่ได้คะแนนมากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วยจังหวัดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากถึง 4 จังหวัด ได้แก่ อันดับที่ 1 ขอนแก่น (62.38 คะแนน) อันดับที่ 4 บึงกาฬ (60.72 คะแนน) อันดับที่ 5 มหาสารคาม (60.42 คะแนน) และ อันดับที่ 9 บุรีรัมย์ (59.92 คะแนน) ตามมาด้วยจังหวัดจากภาคตะวันออกมีทั้งสิ้น 3 จังหวัด ได้แก่ อันดับที่ 2 ตราด (62.20 คะแนน) อันดับที่ 3 จันทบุรี (61.73 คะแนน) และ อันดับที่ 7 ฉะเชิงเทรา (60.21 คะแนน) ขณะที่จังหวัดจากภาคกลางติดอยู่ในกลุ่มนี้ 2 จังหวัด ได้แก่ อันดับที่ 6 นนทบุรี (60.31 คะแนน) และ อันดับที่ 10 สมุทรปราการ (59.21 คะแนน) ส่วนภาคใต้มีเพียงจังหวัดเดียวเท่านั้นที่ติด Top 10 คืออันดับที่ 8 สงขลา (59.92 คะแนน)
ในทางกลับกัน พบว่าจังหวัดที่ได้คะแนนรั้ง 10 อันดับสุดท้าย ประกอบด้วยจังหวัดจากภาคเหนือมากถึง 8 จังหวัด ประกอบด้วย อันดับที่ 68 นครสวรรค์ (49.58 คะแนน) อันดับที่ 69 อุตรดิตถ์ (49.10 คะแนน) อันดับที่ 71 แพร่ (48.86 คะแนน) อันดับที่ 72 เพชรบูรณ์ (48.44 คะแนน) อันดับที่ 73 เชียงราย (45.68 คะแนน) อันดับที่ 74 เชียงใหม่ (45.58 คะแนน) อันดับที่ 75 ตาก (42.84 คะแนน) อันดับที่ 77 จังหวัดแม่ฮ่องสอน (32.74 คะแนน) ส่วนอีก 2 จังหวัดมาจากภาคใต้ชายแดน ได้แก่ อันดับที่ 70 ปัตตานี (48.86 คะแนน) และ อันดับที่ 76 นราธิวาส (41.65 คะแนน)
เมื่อพิจารณาข้อมูลเชิงลึก พบว่าปัจจัยที่หนุนเสริมให้จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้คะแนนติด Top 10 อันดับแรกมากว่าจังหวัดจากภาคอื่น ๆ เนื่องจากมีความเข้มแข็งในเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน สิ่งแวดล้อม และสันติภาพเป็นหลัก โดยประเด็นที่มีความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ได้แก่ พื้นที่เกษตรที่มีการทำการเกษตรแบบยั่งยืน (SDG 2) การตายทารกแรกเกิดอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 28 วัน (SDG 3) ครัวเรือนที่มีน้ำดื่มสะอาด (SDG 6) ปริมาณการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนต่อประชากร (SDG 7) การเผาไหม้ในเขตชุมชน (SDG 11) ปริมาณขยะ E-Waste (SDG 12) การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในกระบวนการอุตสาหกรรม (SDG 12) ที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ (SDG 13) ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (SDG 15) พื้นที่บุกรุกป่า (SDG 15) พื้นที่เผาไหม้ในเขตป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ (SDG 15) และ ชนกลุ่มน้อยที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยต่อจำนวนประชากรแสนคน (SDG 16)
ขณะที่ภาคเหนือเผชิญกับ “ปัญหาและความท้าทายด้านสังคมและเศรษฐกิจ” ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้จังหวัดส่วนใหญ่ในภาคนี้ได้คะแนน SDG Index ในระดับที่น้อย โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นความเสี่ยงหลัก ได้แก่ ประเด็นเรื่องคนจน (SDG 1) ภาวะโภชนาการของเด็กอายุ 0 – 5 ปี (SDG 2) ความชุกของภาวะอ้วน (SDG 2) พื้นที่ทำการเกษตรที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (SDG 2) จำนวนผู้ที่ได้รับการรับรอง GAP ตามโรคพืช (SDG 2) ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ (SDG 3) ผลคะแนนสอบ ONET ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 (SDG 4) ผลคะแนนสอบ ONET ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 (SDG 4) แรงงานนอกระบบ (SDG 8) การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของครัวเรือน (SDG 9) การผลิตบทความ/งานวิจัยที่เผยแพร่ในฐานข้อมูล Scopus (SDG 9) ความเข้มข้นของ PM 2.5 (SDG 11) ขนส่งสาธารณะ (SDG 9) โรงแรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Hotel (SDG 12) และการจัดเก็บภาษีอากรรายจังหวัด (SDG 17)
ทั้งนี้ หากนำผล SDG Index ข้างต้น เปรียบเทียบกับประเด็นความต้องการพัฒนาที่ได้จากเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการนำเสนอข้อมูลความท้าทายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับภูมิภาคและรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับพื้นที่ ซึ่งจัดขึ้นทั้งสิ้น 6 ครั้ง กระจายตามภูมิภาคต่าง ๆ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2568 ที่ผ่านมา พบว่าภาคเหนือและภาคกลางเป็นสองภาคที่มีประเด็นความเสี่ยงในผลสรุปสุดท้ายสอดคล้องโดยตรงกับความเห็น/ความต้องการพัฒนาของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากเวทีประชุมปฏิบัติการฯ เกินครึ่งหนึ่งของประเด็นความเสี่ยงทั้งหมดของภาคนั้น ๆ
ความสอดคล้องบางส่วนระหว่างผลดัชนี SDG Index ในขั้นท้ายซึ่งผ่านการวิจัยทั้งกระบวนการทบทวนเอกสารและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับประเด็นความต้องการจากเวทีภูมิภาคดังกล่าวสะท้อนว่าความเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่มีความสำคัญทั้งในเรื่องของการช่วยเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของปัญหาที่พื้นที่กำลังเผชิญและการมีส่วนร่วมในการกำหนดเจตจำนง ซี่งช่วยให้ผลการศึกษาและจัดทำดัชนีมีมิติที่กว้างมากขึ้นในเชิงผลกระทบและลึกขึ้นในเชิงข้อค้นพบ
03 – บทสรุป
ผลจาก SDG Index ระดับประเทศข้างต้นชี้ให้เห็นว่าเเม้หลายจังหวัดจะมีความก้าวหน้าในการพัฒนาเเละขับเคลื่อนที่สอดคล้องเเละเป็นประโยชน์เเก่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เเต่พบว่ามีอีกหลายจังหวัดที่คะเเนนยังไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของคะเเนนเต็ม (100 คะเเนน) จึงเป็นโจทย์คิดต่อไปว่าหน่วยงานเเละผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องจะสามารถเข้ามาเติมเต็มเพื่อผลักดันให้ดัชนีของพื้นที่ตนเองสูงขึ้นได้อย่างไรบ้าง เพราะหากทำได้ก็จะสะท้อนความก้าวหน้าในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ เเละสิ่งเเวดล้อมของพื้นที่ตรงนั้นไปด้วยในตัว
ทั้งนี้ ในอีก 6 บทความต่อจากนี้ SDG Move จะนำเสนอรายละเอียดของ SDG Index รายจังหวัดตามกลุ่มภูมิภาค พร้อมทั้งเชื่อมโยงให้เห็นในระดับเป้าหมายว่าจังหวัดต่าง ๆ มีความก้าวหน้าหรือท้าทายในเป้าหมายใดเป็นการเฉพาะบ้าง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์เเก่ผู้ปฏิบัติงานระดับพื้นที่เเละผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการนำไปต่อยอดเชิงนโยบายเเละการปฏิบัติร่วมกันได้
อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้องกับโครงการ Area Need : ที่นี่
ผู้ที่สนใจเเละต้องการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเฉพาะจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง สามารถติดต่อรับข้อมูลดังกล่าวผ่านทางเเบบฟอร์มนี้ : https://forms.gle/D8UKKP3zih38uMp67
แพรวพรรณ ศิริเลิศ และ อติรุจ ดือเระ – เรียบเรียง
วิจย์ณี เสนเเดง – ภาพประกอบ
ซีรีส์ Area Need จะสรุปข้อค้นพบสำคัญของโครงการปีที่ 1 - 2 และอัปเดตสิ่งที่เรากำลังทำต่อในปีที่ 3 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

