ศูนย์วิจัยความเหลื่อมลํ้าโลก (World Inequality Lab) เผยแพร่ รายงานความเหลื่อมลํ้าโลก 2569 (World Inequality Report– WIR 2026) ซึ่งเป็นรายงานหลักฉบับที่สาม ต่อเนื่องจากฉบับปี 2561 และ 2565 โดยรายงานได้อ้างอิงและใช้ข้อมูลจากงานวิจัยของนักวิชาการ 200 คนทั่วโลก ซึ่งเป็นสมาชิกศูนย์วิจัยความเหลื่อมลํ้าโลก
รายงานฉบับล่าสุดนี้มีการขยายขอบเขตการวิเคราะห์เพิ่มเติม โดยมุ่งสํารวจมิติใหม่ของความเหลื่อมลํ้าที่เป็นคุณลักษณะของศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างภูมิอากาศและความมั่งคั่ง ความเหลื่อมลํ้าทางเพศ ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงทุนมนุษย์ ความไม่สมดุลของระบบการเงินโลก และความแตกแยกทางพื้นที่ที่กําลังกําหนดภูมิทัศน์การเมืองประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่ ซึ่งทั้งหมดล้วนชี้ให้เห็นว่าความเหลื่อมลํ้าในปัจจุบันไม่ได้จํากัดอยู่แค่รายได้หรือความมั่งคั่ง แต่แทรกซึมอยู่ในทุกด้านของชีวิตทั้งเศรษฐกิจและสังคม
ประเด็นสำคัญที่ปรากฏในรายงานข้างต้น เช่น
- การถือครองทุนนับเป็นตัวกําหนดสําคัญของความเหลื่อมลํ้าด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คนมั่งคั่งที่สุด 10% ของโลกมีส่วนรับผิดชอบถึง 77% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับการถือครองทุนส่วนบุคคล สะท้อนว่าว่าวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแยกออกจากปัญหาการกระจุกตัวของความมั่งคั่งไม่ได้ การแก้ไขปัญหาต้องอาศัยการปรับโครงสร้างระบบการเงินและการลงทุนอย่างเจาะจงซึ่งเป็นระบบที่ขับเคลื่อนทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและความเหลื่อมลํ้าไปพร้อมกัน
- ผู้หญิงได้รับรายได้เพียง 32% ของรายได้ต่อชั่วโมงที่ผู้ชายได้รับเมื่อรวมทั้งงานที่ได้รับค่าจ้างและไม่ได้รับค่าจ้าง และ 61% หากไม่รวมงานเหล่านี้ สะท้อนการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมทางเพศในระยะยาวและความไร้ประสิทธิภาพอย่างลึกซึ้งในวิธีที่สังคมให้คุณค่าต่อแรงงานและการจัดสรรแรงงาน
- ประเทศที่มั่งคั่งได้รับประโยชน์จากสิ่งที่เรียกว่า “อภิสิทธิ์ที่เกินจริง” (exorbitant privilege) ซึ่งในแต่ละปีมีทรัพยากรราว 1% ของ GDP โลก (มากกว่างบช่วยเหลือ การพัฒนาถึงสามเท่า) ที่ไหลจากประเทศยากจนไปสู่ประเทศรํ่ารวยผ่านการโอนรายได้สุทธิของปัจจัยการผลิตจากต่างประเทศที่เกิดจากผลตอบแทนสินทรัพย์ที่สูงกว่าและต้นทุนดอกเบี้ยที่ตํ่ากว่าของประเทศรํ่ารวย
- การเข้าถึงบริการสาธารณะที่ไม่เท่าเทียม โอกาสในการทํางานที่แตกต่างกัน และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการค้าโลกได้บ่อนทําลายความสมานฉันท์ของสังคม และทําให้พันธมิตรทางการเมืองที่จําเป็นสําหรับการปฏิรูปด้านการกระจายรายได้อ่อนแอลง
นอกจากนี้ รายงานยังนำเสนอการกระจายของรายได้และความมั่งคั่งภายในแต่ละภูมิภาคและประเทศ ซึ่งพิจารณาจากอัตราส่วนรายได้ของกลุ่มบนสุด 10% ต่อกลุ่มล่าง 50% (T10/B50) และตั้งคําถามว่าโดยเฉลี่ยแล้วกลุ่มบนสุด 10% มีรายได้มากกว่าครึ่งล่างกี่เท่า ผลการศึกษาพบว่าความเหลื่อมลํ้าภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่แม้จะรุนแรงในทุกที่ แต่ความเข้มข้นของความเหลื่อมล้ำมีรูปแบบที่ชัดเจน โดยยุโรปและหลายส่วนของอเมริกาเหนือ รวมไปถึงโอเชียเนีย เป็นภูมิภาคที่มีความเหลื่อมลํ้าน้อยที่สุด แม้ว่ากลุ่มบนก็ยังคงได้รับรายได้มากกว่าครึ่งล่างอย่างมาก
ขณะที่ลาตินอเมริกา แอฟริกาใต้ซาฮารา ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ มีลักษณะร่วมกันคือรายได้ของกลุ่มล่าง 50% อยู่ในระดับตํ่า ส่วนรายได้กระจุกตัวสูงมากในกลุ่มบน ส่งผลให้เกิดช่องว่างรายได้ T10/B50 สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับประเทศไทย ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุด และมีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชีย
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– SDG Vocab | 32 – Inequality – ความไม่เท่าเทียม/ความเหลื่อมล้ำ
– 7 มุมมองของผู้เชี่ยวชาญสู่อนาคตที่เท่าเทียมขึ้น ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำทั้ง ‘แนวดิ่งและแนวระนาบ’ (vertical and horizontal inequality)
– การวิเคราะห์ข้อมูล เปิดเผยว่าหากต้องการลดความเหลื่อมล้ำในอนาคต ต้องจัดการกับ SDG ใดบ้าง ?
– รายงานธนาคารโลกเผยว่า ความมั่งคั่งโลกใน 20 ปีที่ผ่านมา แลกมาด้วยธรรมชาติและปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น
– SDG Updates | ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
– SDG Updates | สำรวจศตวรรษแห่งความเหลื่อมล้ำผ่านรายงาน World Inequality Report 2022
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG1 ยุติความยากจน
– (1.4) ภายในปี พ.ศ. 2573 สร้างหลักประกันว่าชายและหญิงทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ยากจนและเปราะบาง มีสิทธิเท่าเทียมกันในทรัพยากรทางเศรษฐกิจ รวมถึงการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน การเป็นเจ้าของและมีสิทธิในที่ดินและทรัพย์สินในรูปแบบอื่น มรดก ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยีใหม่ที่เหมาะสม และบริการทางการเงิน ซึ่งรวมถึงระบบการเงินระดับฐานราก (microfinance)
– (1.5) ภายในปี พ.ศ. 2573 สร้างภูมิต้านทานให้กับผู้ที่ยากจนและอยู่ในสถานการณ์เปราะบาง รวมทั้งลดความเสี่ยงและความล่อแหลมต่อภาวะสภาพอากาศผันผวนรุนแรง การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม และภัยพิบัติ
#SDG5 ความเท่าเทียมทางเพศ
– (5.4) ตระหนักและให้คุณค่าต่อการดูแลและการทำงานบ้านแบบไม่ได้รับค่าจ้าง โดยจัดให้มีบริการสาธารณะ โครงสร้างพื้นฐานและนโยบายการคุ้มครองทางสังคม และสนับสนุนความรับผิดชอบร่วมกันภายในครัวเรือนและครอบครัว ตามความเหมาะสมของแต่ละประเทศ
#SDG8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
– (8.5) บรรลุการจ้างงานเต็มที่และมีผลิตภาพ และการมีงานที่มีคุณค่าสำหรับหญิงและชายทุกคน รวมถึงเยาวชนและผู้มีภาวะทุพพลภาพ และให้มีการจ่ายค่าจ้างที่เท่าเทียมสำหรับงานที่มีคุณค่าเท่าเทียมกัน ภายในปี พ.ศ. 2573
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
– (10.2) เสริมสร้างศักยภาพและส่งเสริมความครอบคลุมทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองสำหรับทุกคน โดยไม่คำนึงถึงอายุ เพศ ความพิการ เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ แหล่งกำเนิด ศาสนา สถานะทางเศรษฐกิจ หรืออื่น ๆ ภายในปี พ.ศ. 2573
– (10.4) นำนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายการคลัง ค่าจ้าง และการคุ้มครองทางสังคมมาใช้ และให้บรรลุความเสมอภาคยิ่งขึ้นอย่างก้าวหน้า
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.b) ส่งเสริมกลไกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการวางแผนและการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิผลในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด และรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็ก โดยให้ความสำคัญต่อผู้หญิง เยาวชน ชุมชนท้องถิ่นและชุมชนชายขอบ
แหล่งที่มา
– รายงานความเหลื่อมล้ำโลก 2569
– ความเหลื่อมล้ำโลกรุนแรง ไทยติดกลุ่มหนักสุดในโลก (Policy Watch)

