Site icon SDG Move

รายงานธนาคารโลก 2025 นำเสนอ ‘โอกาส-ความเสี่ยงจาก Climate Change’ พร้อมเสนอแนวทางการพัฒนาประเทศไทยสู่สังคมรายได้สูงและยั่งยืน

ปัจจุบันประเทศไทย กำลังเผชิญปัญหาความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น SDG Recommends ฉบับนี้ ชวนอ่านรายงาน Country Climate and Development Report (CCDR) หรือ “รายงานสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาประเทศไทย” โดยธนาคารโลก (World Bank) ได้นำเสนอถึงการลงทุนอย่างทันท่วงทีในด้านการปรับตัวรับผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้ว การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์สีเขียว ที่จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นสังคมที่มีรายได้สูงอย่างยั่งยืนแก่คนทุกคน

รายงานฉบับนี้ เสมือน “คู่มือเชิงกลยุทธ์” ที่ผสานแผนงานระดับชาติที่ประเทศไทยร่วมกับการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อเชื่อมโยงและเสริมพลังระหว่างเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการก้าวสู่การเป็นประเทศรายได้สูง ทั้งนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งจัดการความเสี่ยงทางกายภาพและการเปลี่ยนผ่านจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ปูทางไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่ยั่งยืนแม้ต้องอาศัยการลงทุนสูง นอกจากนี้รายงานได้มีการประเมินความเสี่ยงทางกายภาพที่มีผลต่อเศรษฐกิจ เช่น ผลกระทบจากน้ำท่วม ภัยแล้ง อากาศร้อนจัด และภัยพิบัติอื่น ๆ อันเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศ รวมถึงผลกระทบต่อการค้าและการทำงานของภาคเอกชน พร้อมเสนอแนวทางที่ช่วยในการปรับตัว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และคว้าโอกาสจากการเติบโตสีเขียว โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ประเทศไทยมีศักยภาพและความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ

รายงานฉบับนี้ประกอบด้วยสาระสำคัญทั้งหมด 7 ประเด็นหลัก โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. บทนำ – เศรษฐกิจของไทยมีการเติบโตเฉลี่ยลดลงเพียงร้อยละ 2.6 ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ในการบรรลุเป้าหมายเป็นประเทศรายได้สูง ภายในปี 2580 ไทยต้องมีการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 แต่ด้วยความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งจากน้ำท่วม ภัยแล้ง และความร้อนจัด อาจกระทบเศรษฐกิจถึง 14% 
  2. ความเสี่ยงทางภูมิอากาศ – จากความร้อนจัด โดยเฉพาะในกรุงเทพที่ได้รับผลจากปรากฏการณ์เกาะความร้อนในเมือง (urban heat island effect) ทำให้อุณหภูมิในช่วงกลางคืนสูงกว่าพื้นที่ชนบทถึง 6 องศาเซลเซียส ซึ่งสร้างผลกระทบต่อแรงงานและคุณภาพการเรียน น้ำท่วม ที่คาดว่ามีความเสี่ยงน้ำท่วมขึ้น 2.5 เท่าภายในปี 2540 ขณะที่การขาดแคลนน้ำคาดว่า ภายในปี 2580 ความสามารถในการตอบสนองความต้องการน้ำในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) อาจสูงขึ้นถึง 40–72% นอกจากนี้ สถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ประมง และชุมชนชายฝั่ง
  3. กลยุทธ์การปรับตัว –  การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติ และผลกระทบทางเศรษฐกิจในบางปีมีมูลค่ามหาศาลกว่าความสูญเสียเฉลี่ยต่อปีที่ได้ประเมินไว้ ดังนั้น การลงทุนโครงการป้องกันและบรรเทาภัยน้ำท่วม การปกป้องชายฝั่ง การสร้างความมั่นคงด้านน้ำ และการลงทุนด้านเทคโนโลยีทำความเย็น เพียงร้อยละ 1 ของ GDP ต่อปี สามารถช่วยเพิ่ม GDP ได้ถึงร้อยละ 5 ภายในปี 2593 เพราะระบบคุ้มครองทางสังคมช่วยให้กลุ่มเปราะบางสามารถในการรับมือกับสภาพภูมิอากาศได้
  4. การลดการปล่อยคาร์บอน – ไทยตั้งเป้าสู่ความเป็น คาร์บอนเป็นกลาง (carbon neutral) ภายในปี 2593 และเป็นศูนย์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (net zero) ภายในปี 2608 พร้อมทั้งเร่งผลักดันการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งส่งผลดีต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน ลดต้นทุนวงจรการผลิต และเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน
  5. คว้าโอกาสจากการเติบโตสีเขียว – ไทยมีศักยภาพสูงในด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) พลังงานแสงอาทิตย์ และ สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่จำเป็นต้องลดอุปสรรคในการเข้าถึงตลาด และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันให้เอื้อต่อการเติบโต โดยใช้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพื่อพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยีและทักษะ รวมถึงภาครัฐต้องปรับทิศทางการสนับสนุนด้านนวัตกรรมที่เหมาะสม พร้อมให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีขั้นสูงภายในประเทศ
  6. การระดมเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่าน – ไทยจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมตลอด 25 ปีข้างหน้า รวมกว่า 219 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8.14 ล้านล้านบาท) พร้อมทั้งดำเนินการปฏิรูประบบภาษีและตลาดคาร์บอน ซึ่งควรมีมาตรการจูงใจภาคเอกชน เช่น การสนับสนุนให้สถาบันการเงินขยายการออก พันธบัตรสีเขียว/สินเชื่อสีเขียว รวมถึงใช้เครื่องมือทางการเงินที่ช่วยลดความเสี่ยง
  7. แผนงานสู่อนาคต – มาตรการที่ควรจัดลำดับความสำคัญสูงสุด 5 ด้าน ได้แก่ การป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม ความมั่นคงด้านน้ำ ระบบคุ้มครองทางสังคม กลไกการกำหนดราคาคาร์บอน และการพัฒนาพลังงาน เพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า

ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG1 ขจัดความยากจน
– (1.3) ดำเนินการให้ทุกคนมีระบบและมาตรการการคุ้มครองทางสังคมในระดับประเทศที่เหมาะสม รวมถึงการคุมครองทางสังคมขั้นพื้นฐานและบรรลุการครอบคลุมถึงกลุ่มที่ยากจนและเปราะบาง ภายในปี 2573
#SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
– (3.d) เสริมขีดความสามารถสำหรับทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา ในเรื่องการแจ้งเตือนล่วงหน้า การลดความเสี่ยง และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพในระดับประเทศและระดับโลก
#SDG7 พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้
– (7.1) สร้างหลักประกันว่ามีการเข้าถึงการบริการพลังงานสมัยใหม่ที่เชื่อถือได้ ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ ภายในปี 2573 
– (7.2) เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผสมผสานการใช้พลังงานของโลก ภายในปี 2573
– (7.a) ยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศในการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงการวิจัย และเทคโนโลยีพลังงานที่สะอาด โดยรวมถึงพลังงานทดแทน ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และเทคโนโลยีเชื้อเพลิงฟอสซิลชั้นสูงและสะอาด และสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและเทคโนโลยีพลังงานที่สะอาด ภายในปี 2573
#SDG8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
– (8.2) บรรลุการมีผลิตภาพทางเศรษฐกิจในระดับที่สูงขึ้นผ่านความหลากหลาย การยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการมุ่งเน้นในภาคการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและใช้แรงงานเป็นหลัก (Labour intensive)
#SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม อุตสาหกรรม

– (9.4) ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงอุตสาหกรรมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการใช้เทคโนโลยีและกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยทุกประเทศดำเนินการตามขีดความสามารถของแต่ละประเทศ ภายในปี 2573
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
– (10.2) ให้อำนาจและส่งเสริมความครอบคลุมด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมืองสำหรับทุกคน โดยไม่คำนึงถึงอายุ เพศ ความบกพร่องทางร่างกาย เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ แหล่งกำเนิด ศาสนา หรือสถานะทางเศรษฐกิจหรือสถานะอื่น ๆ ภายในปี 2573
#SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
– (11.5) ลดจำนวนการตายและจำนวนคนที่ได้รับผลกระทบและลดการสูญเสียโดยตรงทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของโลกที่เกิดจากภัยพิบัติ ซึ่งรวมถึงภัยพิบัติที่เกี่ยวกับน้ำ โดยมุ่งเป้าปกป้องคนจนและคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบาง ภายในปี 2573
– (11.6) ลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมต่อหัวประชากรในเขตเมือง รวมถึงการให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการจัดการคุณภาพอากาศ การจัดการของเสียของเทศบาล และการจัดการของเสียอื่น ๆ ภายในปี 2573
– (11.a) สนับสนุนการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมระหว่างพื้นที่เมือง รอบเมือง และชนบท โดยการเสริมความแข็งแกร่งของการวางแผนการพัฒนาในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนเเปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.1) เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ
– (13.2) บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
– (13.3) พัฒนาการศึกษา การสร้างความตระหนักรู้ และขีดความสามารถของมนุษย์และของสถาบันในเรื่องการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปรับตัว การลดผลกระทบ การเตือนภัยล่วงหน้า
– (13.b) ส่งเสริมกลไกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการวางแผนและการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิผลในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด และให้ความสำคัญต่อผู้หญิง เยาวชน และชุมชนท้องถิ่นและชายขอบ
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.1) เสริมความแข็งแกร่งของการระดมทรัพยากรภายในประเทศ โดยรวมถึงการสนับสนุนระหว่างประเทศไปยังประเทศกำลังพัฒนา เพื่อปรับปรุงขีดความสามารถภายในประเทศในการเก็บภาษีและรายได้อื่น ๆ ของรัฐ
– (17.5) ยอมรับและดำเนินการตามระบอบการส่งเสริมการลงทุนให้กับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด

แหล่งที่มา:
รายงานสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาประเทศไทย (worldbank)
การลงทุนอัจฉริยะด้านสภาพภูมิอากาศ: กุญแจสำคัญของไทยสู่การก้าวขึ้นเป็นประเทศรายได้สูง (worldbank)

Author

  • Knowledge Communication | มนุษย์ผู้เชื่อว่า “การสื่อสารสามารถเชื่อมต่อความรู้สึกของกันและกันได้” ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือเผชิญกับอะไรอยู่ การสื่อสารจะช่วยบอกเล่าเรื่องราวส่งไปให้แก่ผู้อื่นได้รับรู้

Exit mobile version