อุณหภูมิที่สูงขึ้นในรัสเซียเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ทำให้ประเทศเปราะบางต่อผลกระทบของ climate change

สำนักงานอุตุนิยมวิทยามอสโก รายงาน (14 เม.ย.2564) อากาศในรัสเซียวันนี้ร้อนที่สุดในรอบกว่า 140 ปี ที่ 21 องศาเซลเซียส สูงกว่าสถิติเดิมที่ 20.4 องศาเซลเซียส เมื่อปี 2551 ทำให้ประชาชนในกรุงมอสโกออกมารับแดดกลางแจ้งในส่วนต่าง ๆ ของเมือง โดยคาดว่าอุณหภูมิจะร้อนขึ้นในช่วง 2 – 3 วันข้างหน้า

ซึ่งในช่วงหลายปีมานี้ รัสเซียในฐานะประเทศส่งออกพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลกที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดเป็นอันดับสี่ เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เผชิญกับปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกอย่างเห็นได้ชัด โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Moscow’s Geophysical Observatory เตือนว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของรัสเซียสูงขึ้นที่ 0.51 องศาเซลเซียสภายในระยะเวลา 10 ปี ‘เร็วมากกว่าสองเท่า’ ของค่าเฉลี่ยของโลกที่ 0.18 องศาเซลเซียส และคราวนี้ อากาศร้อนมาถึงเร็วกว่าฤดูกาล (หน้าร้อน) ปกติของรัสเซีย เช่นเดียวกับผู้อำนวยการของโครงการสภาพภูมิอากาศและพลังงานภายใต้ WWF รัสเซีย ที่มองว่าปรากฎการณ์ของอุณหภูมิที่สูงขี้น ‘ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลง’

ไฟไหม้ป่าในไซบีเรียปี 2563
ภาพจาก: csmonitor.com

โดยเมื่อปี 2563 เอง รัสเซียก็เผชิญกับคลื่นความร้อนในไซบีเรียและหลักฐานบางส่วนที่ชี้ว่าไฟไหม้ป่าขนานใหญ่ในปีเดียวกันที่สร้างความเสียหายมหาศาลนั้น เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรวดเร็วเช่นนี้ จะทำให้ ‘เพอร์มาฟรอสต์’ (permafrost) ชั้นดินเยือกแข็งคงตัวกับทะเลน้ำแข็งขั้วโลกเหนือแถบอาร์กติกหลอมละลายลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เขตแดนสำคัญ 65% ของรัสเซียอยู่ในแถบอาร์กติก ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานของรัสเซียโดยเฉพาะระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติต้องตกอยู่ในสภาวะที่เปราะบางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นความห่วงกังวลหลักของรัสเซีย ณ เวลานี้ พร้อมกับที่รัสเซียเองได้ให้คำมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงจากระดับเมื่อปี 2533 ให้มากถึง 70% ภายในปี 2573

Melting Arctic Permafrost
ภาพจาก : themoscowtimes.com

รัฐมนตรีกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน (Ministry of Emergency Situations) ของรัสเซียเตือนว่านอกจากปรากฎการณ์อากาศร้อนแล้ว อากาศที่หนาวเย็นจัดจะทำให้หิมะตกอย่างหนักในไซบีเรีย ตะวันออกไกล และภาคกลางในอีก 25 ปีข้างหน้า และเมื่อหลอมละลายก็จะทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างอันตรายตามมาด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่จะต้องเร่งปรับปรุงระบบการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน

โดยเมื่อปีที่ผ่านมารองนายกรัฐมนตรีด้านตะวันออกไกลและอาร์กติก นาย Alexander Krutikov ประมาณการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้รัสเซียต้องสูญเสียเม็ดเงิน 9 ล้านล้านรูเบิล (116 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ไปกับการสร้างและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ได้รับผลกระทบเสียใหม่

ขณะที่บางความเห็นมองว่า หากวันที่เพอร์มาฟรอสต์ละลายจนสิ้นมาถึง อาจเป็นการเปิดโอกาสให้มี ‘ที่ดิน’ สำหรับการทำเกษตรกรรมมากขึ้น พลิกวิกฤติให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจรัสเซีย

ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ #SDG13 การลงมือจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ผลกระทบของมันส่งผลต่อ #SDG11 เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความปลอดภัยและยั่งยืน (11.5) ลดจำนวนผู้ได้รับผลกระทบและการสูญเสียต่อเมืองที่เกิดจากภัยพิบัติ พร้อมปกป้องคนจนและคนที่อยู่ในสถานการณ์เปราะบาง และ #SDG8 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและยั่งยืน

แหล่งที่มา:
https://news.thaipbs.or.th/content/303309
https://www.rt.com/russia/520892-global-warming-faster-average/
https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-04-14/climate-change-may-be-costing-russia-billions-every-year

Last Updated on เมษายน 14, 2021

Author

  • Thiraphon Singlor

    Editor | อยากรู้ความคิดของคนต่างพื้นเพ ต่างสังคมและวัฒนธรรม สนใจความเป็นไปของโลก ความมั่นคง และการพัฒนา แล้วนำมาถ่ายทอดร้อยเรียงเรื่องราวเล่าให้ฟัง

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น