SDG Spotlight – 5 ข่าว SDGs น่าสนใจในรอบสัปดาห์ที่ 1 ประจำเดือนธันวาคม 2566

จากการสำรวจข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องและส่งผลต่อการขับเคลื่อน SDGs ระหว่างวันที่  5 – 9 ธันวาคม 2566 มีข่าวสารความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ดังนี้

WHO เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ เพิ่มการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และภาษีความหวาน 

องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยแพร่ข้อมูลใหม่ชี้ให้เห็นถึงอัตราภาษีทั่วโลกที่ต่ำ ซึ่งนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น แอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีความหวาน (sugar-sweetened beverages) ผลการวิจัยระบุว่าประเทศส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ภาษีเพื่อจูงใจให้มีพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ทั้งนี้ จากการศึกษาในปี 2560 แสดงให้เห็นว่าการขึ้นภาษีราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 50% ช่วยหลีกเลี่ยงให้เกิดการเสียชีวิตได้มากกว่า 21 ล้านคนในช่วง 50 ปี และสร้างรายได้เพิ่มเติมเกือบ 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้รวมของรัฐบาลของประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแปดแห่งในหนึ่งปี นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ในการเพิ่มการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และภาษีความหวาน องค์การอนามัยโลก จึงได้ออกคู่มือทางเทคนิคเกี่ยวกับนโยบายและการบริหารภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้น เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ประชากร 

ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการขับเคลื่อน SDG 3  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 3.4 ลดการตายก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อให้ลดลงหนึ่งในสาม ผ่านทางการป้องกันและการรักษาโรค และสนับสนุนสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ภายในปี พ.ศ. 2573 และ 3.5 เสริมสร้างการป้องกันและการรักษาการใช้สารในทางที่ผิด ซึ่งรวมถึงการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิดและการใช้แอลกอฮอล์ในทางที่เป็นอันตราย SDG 17  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 17.14 ยกระดับความสอดคล้องเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เข้าถึงได้ที่ : WHO calls on countries to increase taxes on alcohol and sugary sweetened beverages – WHO 

WHO ร่วมถกประเด็นสุขภาพ COP28 เป็นครั้งแรก ชี้วิกฤตสภาพภูมิอากาศและสุขภาพเป็นเรื่องเดียวกัน

ประเด็นสุขภาพถูกบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 28 หรือ COP28 ในขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ที่ประชุม COP ควรหยิบยกประเด็นสุขภาพมาหารือนานแล้ว เนื่องจากการไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ ซึ่งกำลังคร่าชีวิตผู้คนและบั่นทอนสุขภาพลงทุกวัน ๆ เนื่องจากโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นในทุก ๆ ปี โดยปีนี้เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ แผ่นน้ำแข็งกำลังละลายในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไฟป่าทำให้อากาศในบางภูมิภาคเป็นอันตราย ขณะที่ในบางพื้นที่น้ำท่วมเป็นสาเหตุให้น้ำดื่มปนเปื้อน

ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการขับเคลื่อน SDG 3  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 3.d เสริมขีดความสามารถสำหรับทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา ในเรื่องการแจ้งเตือนล่วงหน้า การลดความเสี่ยง และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพในระดับประเทศและระดับโลก และ SDG 13  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 13.1 เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ และ 13.2 บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ

เข้าถึงได้ที่ :  WHO ขานรับ COP28 ถกประเด็นสุขภาพเป็นครั้งแรก ชี้วิกฤตสภาพภูมิอากาศและวิกฤตสุขภาพคือเรื่องเดียวกัน – thestandard

ศาลอาญายกฟ้อง บ.ผลิตอาหารสัตว์ฟ้องหมิ่นนักวิชาการ หลังให้สัมภาษณ์วิจารณ์แก่สื่อ

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 เพจเฟซบุ๊ก ‘Green News’ หรือสำนักข่าวสิ่งแวดล้อม รายงานว่า ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้นัดฟังคำสั่งไต่สวนมูลฟ้องกรณีบริษัทเอกชนผู้ประกอบกิจการขายอาหารสัตว์เลี้ยง ในฐานะโจทก์ ยื่นฟ้อง ดร.เพชร มโนปวิตร นักอนุรักษ์และนักปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อม ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากบทความสัมภาษณ์สื่อมวลชนเรื่องการนำปลาฉลามมาจำหน่ายเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นการทำลายระบบนิเวศทางทะเล โดยโจทก์ผู้ฟ้อง กล่าวหาว่า บริษัทได้รับความเสียหายจากบทความดังกล่าว ทำให้ยอดขายปลาฉลามอบแห้งของบริษัทลดลง ซึ่งศาลยกฟ้องคดีอาญา เนื่องจากชี้เป็นเสรีภาพแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการขับเคลื่อน SDG 14  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่  14.2 บริหารจัดการและปกป้องระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบที่มีนัยสำคัญ รวมถึงโดยการเสริมภูมิต้านทานและปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟู เพื่อบรรลุการมีมหาสมุทรที่มีสุขภาพดีและมีผลิตภาพ ภายในปี พ.ศ. 2563 และ 14.4 ภายในปี พ.ศ. 2563 ให้กำกับการทำการประมงอย่างมีประสิทธิผล และยุติการประมงเกินขีดจำกัด การประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) และแนวปฏิบัติด้านการประมงที่เป็นไปในทางทำลาย SDG 16  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 16.7 สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ และ 16.10 สร้างหลักประกันว่าสาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและมีการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตามกฎหมายภายในประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ

เข้าถึงได้ที่ : ยกฟ้องอาญา บ.ผลิตอาหารสัตว์ฟ้องหมิ่นนักวิชาการ ให้สัมภาษณ์สื่อวิจารณ์ใช้ฉลามวัยอ่อนผลิตอาหารหมา-แมว – prachatai

ทีมประกันสังคมก้าวหน้า ชิงศึกเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม แถลงเปิดตัว-นโยบายสร้างรัฐสวัสดิการ 

ทีมประกันสังคมก้าวหน้า นำโดย รศ .ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี สมาชิกประกันสังคมก้าวหน้า และอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงเปิดตัวรายชื่อสมาชิก และแถลงนโยบายสู้ศึกเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน เพื่อเป็นคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ธันวาคม 2566 หวังเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม สร้างสังคมเสมอภาค องค์กรประกันสังคมอิสระ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งชัยชนะนี้จะเป็นก้าวแรกสู่การสร้างรัฐสวัสดิการ โดยนโยบายของทีมประกันสังคมก้าวหน้า จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือนโยบายด้านสิทธิประโยชน์ และการปรับโครงสร้างให้เป็นประชาธิปไตย โปร่งใส และมีความมั่นคงมากขึ้น

ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการขับเคลื่อน SDG 1  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 1.3 ดำเนินการให้ทุกคนมีระบบและมาตรการการคุ้มครองทางสังคมระดับประเทศที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงฐาน การคุ้มครองทางสังคม (floors) โดยให้ครอบคลุมกลุ่มประชากรยากจน และกลุ่มเปราะบางให้มากพอ ภายในปี พ.ศ. 2573 SDG 3  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 3.8 บรรลุการมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน การเข้าถึงการบริการสาธารณสุขจำเป็นที่มีคุณภาพ และเข้าถึงยาและวัคซีนจำเป็นที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และมีราคาที่สามารถซื้อหาได้ SDG 16  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 16.6 พัฒนาสถาบันที่มีประสิทธิผล มีความรับผิดชอบ และโปร่งใสในทุกระดับ และ SDG 17  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 17.15 เคารพพื้นที่ทางนโยบายและความเป็นผู้นำของแต่ละประเทศที่จะสร้างและดำเนินงานตามนโยบายเพื่อการขจัดความยากจนและการพัฒนาที่ยั่งยืน

เข้าถึงได้ที่ : ทีมประกันสังคมก้าวหน้า แถลงเปิดตัว-นโยบาย สู้ศึกเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม นับหนึ่งสร้างรัฐสวัสดิการ – Prachatai

ผลสำรวจ PISA พบเด็กไทย 1 ใน 4 ต้องอดมื้อกินมื้อ สาเหตุจากความยากจน

ผลการสำรวจของ PISA ปี 2565 พบว่าเด็กไทยมีอัตราการต้องอดมื้อกินมื้อ เหตุไม่มีเงินซื้อข้าวกิน สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก เมื่อเทียบกับประเทศที่เข้าร่วมการทดสอบ 59 ประเทศ และ 7 เขตปกครองพิเศษ ซึ่งรองลงมาจาก ประเทศกัมพูชา จาไมกา ฟิลิปปินส์ และครองอันดับร่วมกับโมร็อกโก โดยข้อมูลระบุว่ามีเด็กไทยอย่างน้อย 1 ใน 4 หรือร้อยละ 27.6 ต้องอดมื้อกินมื้ออย่างน้อย 1 มื้อต่อสัปดาห์ และกว่าร้อยละ 5 ต้องอดมื้อกินมื้อแทบทุกวัน ขณะที่ ผลการศึกษาระดับนานาชาติจาก 83 ประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ พบว่า ในปี 2566 มีผู้คนราว ๆ 1.14 พันล้านคนที่ตกอยู่ในภาวะไม่มั่นคงทางอาหาร ขณะที่ผลการศึกษายังระบุว่า ทั้งรายได้ส่วนบุคคล ราคาอาหาร และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าถึงแหล่งอาหาร และความไม่มั่นคงทางอาหารจะส่งผลโดยตรงต่อการเรียนรู้ของเด็กและระดับการศึกษาโดยรวมของชาติ

อย่างไรก็กี ศ.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ให้ความเห็นว่า สวัสดิการอาหารสำหรับเด็กยากจนเป็นเรื่องจำเป็นมาก ซึ่งการลงทุนพัฒนามนุษย์ต้องพิจารณาทุกด้าน เพราะถ้ายังหิวร้อง ก็ทำให้เด็กเรียนไม่รู้เรื่อง รัฐบาลพิจารณาเรื่องโภชนาการ เด็กทุกคนควรได้รับการสนับสนุนค่าอาหารกลางวัน รวมถึงอาหารเช้าที่มีคุณภาพ เพื่อให้มีโภชนาการที่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพการเรียนรู้ของเด็ก

ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับการขับเคลื่อน SDG 2  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 2.1 ยุติความหิวโหยและสร้างหลักประกันให้ทุกคนโดยเฉพาะคนที่ยากจนและอยู่ในภาวะเปราะบาง อันรวมถึงทารก ได้เข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย มีอาหารตามหลักโภชนาการ และมีอาหารเพียงพอตลอดทั้งปี ภายในปี 2573 SDG 4  โดยเฉพาะเป้าหมายย่อยที่ 4.1 สร้างหลักประกันว่าเด็กชายและเด็กหญิงทุกคนสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่มีคุณภาพ เท่าเทียม และไม่มีค่าใช้จ่าย นำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเรียนที่มีประสิทธิผล ภายในปี พ.ศ. 2573

เข้าถึงได้ที่ : ผลสำรวจ PISA พบ “เด็กไทย 1 ใน 4 ต้องอดมื้อกินมื้อ เหตุยากจน” – The Active 

ผลงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้โครงการกลยุทธไตรพลังในการดำเนินการเพื่อสุขภาวะและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย

Author

  • Praewpan Sirilurt

    Knowledge Communication | มนุษย์ผู้เชื่อว่า “การสื่อสารสามารถเชื่อมต่อความรู้สึกของกันและกันได้” ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือเผชิญกับอะไรอยู่ การสื่อสารจะช่วยบอกเล่าเรื่องราวส่งไปให้แก่ผู้อื่นได้รับรู้

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น