รายงานวิกฤตการณ์อาหารโลกปี 2568 มีประชากรกว่า 295 ล้านคน เผชิญ ‘ความหิวโหยขั้นรุนแรง’ จากเหตุความขัดแย้ง เศรษฐกิจถดถอย และการพลัดถิ่น

รายงานวิกฤตการณ์อาหารโลก ฉบับปี 2568 (Global Report on Food Crises :GRFC 2025) เปิดเผยว่าในปี 2567 มีประชากรกว่า 295.3 ล้านคน หรือคิดเป็น 22.6% ใน 53 ประเทศและดินแดนเผชิญกับความหิวโหยขั้นรุนแรง โดยตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 14 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งสาเหตุหลักเป็นผลมาจากความขัดแย้ง ผลกระทบทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว และการพลัดถิ่น ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงในหลายภูมิภาคทั่วโลก

รายงานประจำปีของ Global Network Against Food Crises จัดทำ โดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) โครงการอาหารโลก (World Food Program: WFP) และสหภาพยุโรป ได้วิเคราะห์ว่าในปี 2567 ความไม่มั่นคงทางอาหารและภาวะทุพโภชนาการ (Malnutrition) ในเด็กเพิ่มสูงขึ้นเป็นปีที่หกติดต่อกัน และใน 26 ประเทศและดินแดนที่เผชิญวิกฤตโภชนาการ มีเด็กอายุ 6–59 เดือน ประมาณ 37.7 ล้านคน ประสบภาวะทุพโภชนาการอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในซูดาน เยเมน มาลี และฉนวนกาซา เป็นพื้นที่ที่มีวิกฤตโภชนาการรุนแรงที่สุด 

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีจำนวนผู้ที่เผชิญความหิวโหยจากการพลัดถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีประชากรเกือบ 95.8 ล้านคนในปี 2567 ที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่น ทั้งผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (IDPs) ผู้ขอลี้ภัย และผู้ลี้ภัย ต้องอาศัยอยู่ในประเทศที่เผชิญวิกฤตอาหาร เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โคลอมเบีย ซูดาน และซีเรีย จากจำนวนประชากรทั่วโลกที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่น ทั้งหมด 128 ล้านคน

ภาพจาก : fsinplatform.org

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์อาหารโลก ได้แก่

  • ปัญหาความขัดแย้ง ยังคงเป็นเป็นสาเหตุหลักที่ผลักดันให้ผผู้คน 140 ล้านคน ใน 20 ประเทศและดินแดน เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหาร โดยมีการยืนยันว่าเกิดความหิวโหยรุนแรงในซูดาน ขณะที่พื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ ที่ประชากรประสบความหิวโหยขั้นวิกฤต ได้แก่ ฉนวนกาซา ซูดานใต้ เฮติ และมาลี
  • ผลกระทบทางเศรษฐกิจ หรือภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง (economic shocks) เช่น ภาวะเงินเฟ้อและค่าเงินลดค่า เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความหิวโหยใน 15 ประเทศ ส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 59.4 ล้านคน ซึ่งยังสูงเกือบสองเท่าของระดับก่อนโควิด-19 แม้ว่าจะมีจำนวนประชากรลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 พื้นที่ที่ประสบวิกฤตอาหารรุนแรงและยาวนานที่สุดหลายแห่ง ส่วนใหญ่เกิดจากช็อกทางเศรษฐกิจ ได้แก่ อัฟกานิสถาน ซูดานใต้ ซีเรีย และเยเมน
  • เหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว โดยเฉพาะภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ 18 ประเทศ ต้องเผชิญวิกฤตอาหารส่งผลกระทบให้ประชากรมากกว่า 96 ล้านคน โดยเฉพาะใน แอฟริกาใต้ เอเชียใต้ และบริเวณแอฟริกาตะวันออก (Horn of Africa)

ความไม่มั่นคงด้านอาหารขั้นรุนแรงและภาวะทุพโภชนาการทั่วโลกอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เงินทุนและแรงสนับสนุนทางการเมืองกำลังลดลง การหยุดยั้งวงจรความหิวโหยและภาวะทุพโภชนาการจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนอย่างเร่งด่วน โดยต้องมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล มุ่งเน้นผลลัพธ์ รวมทรัพยากรที่มีอยู่ ขยายผลโครงการที่ได้ผลจริง และให้ความสำคัญกับความต้องการและเสียงของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG1 ขจัดความยากจน
– (1.5) ภายในปี 2573 สร้างภูมิต้านทานให้แก่คนยากจนและคนที่อยู่ในสถานการณ์เปราะบางและลดการเผชิญหน้าและความเสี่ยงต่อเหตุการณ์รุนแรง/ภัยพิบัติอันเนื่องมาจากภูมิอากาศ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม
#SDG2 ขจัดความหิวโหย
– (2.1) ยุติความหิวโหยและสร้างหลักประกันให้ทุกคนโดยเฉพาะคนที่ยากจนและอยู่ในภาวะเปราะบาง อันรวมถึงทารก ได้เข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย มีอาหารตามหลักโภชนาการ และมีอาหารเพียงพอตลอดทั้งปี ภายในปี 2573
– (2.4) ทำให้เกิดความมั่นใจในระบบการผลิตอาหารและการปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยืดหยุ่น เพื่อเพิ่มผลิตภาพผลผลิตและผลผลิตที่จะช่วยรักษาระบบนิเวศน์ที่จะเพิ่มความเข้มแข็งในศักยภาพในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ภูมิอากาศที่เลวร้าย, ความแห้งแล้ง, น้ำท่วม และความเสียหาย และเพื่อปรับปรุงคุณภาพดินและที่ดินอย่างก้าวกระโดด ภายในปี 2573
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
– (10.7) อำนวยความสะดวกในการโยกย้ายถิ่นฐานและเคลื่อนย้ายของคนให้เป็นระเบียบ ปลอดภัย ปกติ และมีความรับผิดชอบ รวมถึงให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายด้านการอพยพที่มีการวางแผนและการจัดการที่ดี
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.1) เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ
– (13.2) บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
– (13.b) ส่งเสริมกลไกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการวางแผนและการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิผลในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด และให้ความสำคัญต่อผู้หญิง เยาวชน และชุมชนท้องถิ่นและชายขอบ
#SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง
– (16.1) ลดความรุนแรงทุกรูปแบบและอัตราการตายที่เกี่ยวข้องในทุกแห่งให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
– (16.7) สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ

แหล่งที่มา:  Acute food insecurity and malnutrition rise for sixth consecutive year in world’s most fragile regions (FAO)

Author

  • Praewpan Sirilurt

    Knowledge Communication | มนุษย์ผู้เชื่อว่า “การสื่อสารสามารถเชื่อมต่อความรู้สึกของกันและกันได้” ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือเผชิญกับอะไรอยู่ การสื่อสารจะช่วยบอกเล่าเรื่องราวส่งไปให้แก่ผู้อื่นได้รับรู้

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น