สรุปท่าทีไทยบนเวที UNGA 80 สะท้อนปัญหาสันติภาพ-ความมั่นคง ชูประเด็นสิทธิมนุษยชน สิทธิสตรี และสุขภาพ เพื่อความยั่งยืนทุกมิติ

สิ้นสุดลงแล้ว สำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 (80th Session of the United Nations General Assembly: UNGA80) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23–29 กันยายน 2568 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งตรงกับสัปดาห์การประชุมระดับสูง (High-level Week) และเป็นเวทีสำหรับการอภิปรายพหุภาคีในประเด็นระหว่างประเทศ สำหรับปีนี้หัวข้ออภิปรายหลักคือ “Better together: 80 years and more for peace, development and human rights” เพื่อสะท้อนการส่งเสริมความมุ่งมันและความร่วมมือของพหุภาคีในการสร้างสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนกับทุกคน การประชุมครั้งนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไป เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยต่อระบบพหุภาคี ความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศ พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ว่าไทยนั้นมองกว้างไกลกว่าชายแดน และปรารถนาจะเห็นโลกที่สงบสุข

นับเป็นครั้งแรกที่ผู้แทนจากรัฐบาลใหม่ได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UN เพื่อแสดงท่าทีเกี่ยวกับนโยบายหลักของประชาคมโลก ซึ่งนายสีหศักดิ์ เน้นย้ำว่าสหประชาชาติจะเข้มแข็งเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว หรือ “เป็นประชาคมหนึ่งเดียว” แม้นานาประเทศจะร่วมกันรับรองกฎบัตรสหประชาชาติด้วยความหวังต่อสันติภาพตั้งแต่ 80 ปีก่อน หากแต่วันนี้โลกยังคงเผชิญกับการแบ่งแยกที่ทวีคูณความรุนแรง ทั้งจากกนโยบายกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่ละเว้นประเทศใดในโลก 

ที่มา : The Reporters TV

โดยทุกประเทศต่างต้องมีส่วนรับผิดชอบในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก จากความขัดแย้งที่ผ่านมาอย่างสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมาถึงปีที่สาม สร้างความทุกข์ทรมานและความเสียหายแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กที่ได้รับผลกระทบอย่าร้ายแรง สะท้อนให้เห็นว่าชีวิตของประชาชนคนธรรมดาจำนวนมากต้องถูกทำลาย ดังนั้น ความรับผิดชอบที่จะเกิดขึ้นต้องครอบคลุมทุกคน รวมถึงการให้สตรีมีบทบาทในการมีส่วนร่วม เพื่อให้พหุภาคีนิยมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งในภารกิจรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เพราะเสียงและการเป็นผู้นำของสตรี จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น สอดรับการขับเคลื่อนวาระสตรีของสหประชาชาติ

นอกจากนี้ นายสีหศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงสันติภาพและความมั่นคงของไทยใจความว่า ประเทศไทย ต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติอย่างการโยกย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งไม่อาจแก้ไขได้โดยลำพัง โดยนายสีหศักดิ์ ได้ทิ้งทายในการอภิปรายถึงกรณีข้อพิพาทของไทย-กัมพูชา ว่าประเทศไทยขอเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนของทั้งสองประเทศ สมควรได้รับ ซึ่งการเจรจา ความไว้วางใจ และความสุจริตใจ ไม่ใช่เป็นเพียงคำพูด แต่คือหนทางในการเดินต่อไปภายหน้า “เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการดำเนินความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนต่าง ๆ ทั้งในอาเซียนและนอกเหนือออกไป รวมถึงมหาอำนาจต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่การมีสันติภาพที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”

การประชุมครั้งนี้ ยังมีอีกหลายประเด็นน่าสนใจที่ไทย ยกมาอภิปรายทั้งประเด็นการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน สิทธิของสตรีและเด็กหญิงให้มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม รวมถึงสิทธิทางสุขภาพ ที่รับประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ เน้นย้ำถึงสันติภาพและสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันในการพัฒนาเรายังคงถูกกีดกันทางการค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งกำแพงภาษีไม่อาจสร้างความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงได้ แต่การสร้างสมดุลในทุกมิติเท่านั้นที่จะสร้างความยั่งยืน

สุดท้ายนี้ เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ ซึ่งไทยได้แสดงวิสัยทัศน์และเจตจำนงค์ที่จะสนับสนุนข้อริเริ่ม UN80 เพื่อเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้สหประชาชาติกลับมาเชื่อมโยงกับประชาชน พร้อมมองไปยังอนาคตข้างหน้าถึงสิ่งที่จะบรรลุร่วมกัน

ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
– (3.8) บรรลุการมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน การเข้าถึงการบริการสาธารณสุขจำเป็นที่มีคุณภาพ และเข้าถึงยาและวัคซีนจำเป็นที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และมีราคาที่สามารถซื้อหาได้
#SDG5 ความเท่าเทียมทางเพศ
– (5.5) สร้างหลักประกันว่าผู้หญิงจะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และมีประสิทธิผล และมีโอกาสที่เท่าเทียมในการเป็นผู้นำในทุกระดับของการตัดสินใจในเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสาธารณะ
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
– (10.3) สร้างหลักประกันถึงโอกาสที่เท่าเทียมและลดความไม่เสมอภาคของผลลัพธ์ รวมถึงโดยการขจัดกฎหมาย นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่เลือกปฏิบัติ และส่งเสริมการออกกฎหมาย นโยบาย และการปฏิบัติที่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าว
#SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง
– (16.6) พัฒนาสถาบันที่มีประสิทธิผล มีความรับผิดชอบ และโปร่งใสในทุกระดับ
– (16.7) สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ
– (16.8) ขยายและเสริมความแข็งแกร่งของการมีส่วนร่วมของประเทศกำลังพัฒนาในสถาบันที่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลโลก
– (16.a) เสริมความแข็งแกร่งของสถาบันระดับชาติที่เกี่ยวข้อง โดยรวมถึงกระทำผ่านทางความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อสร้างขีดความสามารถในทุกระดับ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อจะป้องกันความรุนแรงและต่อสู้กับการก่อการร้ายและอาชญากรรม
– (16.b) ส่งเสริมและบังคับใช้กฎหมายและนโยบายที่ไม่เลือกปฏิบัติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.9) เพิ่มพูนการสนับสนุนระหว่างประเทศสำหรับการดำเนินการด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถที่มีประสิทธิผลและมีการตั้งเป้าในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสนับสนุนแผนระดับชาติที่จะดำเนินงานในทุกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงผ่านทางความร่วมมือแบบเหนือ-ใต้ ใต้-ใต้ และไตรภาคี
– (17.14) ยกระดับความสอดคล้องเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.16) ยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมเติมเต็มหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายซึ่งจะระดมและแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และทรัพยากรด้านการเงิน เพื่อจะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา

Author

  • Praewpan Sirilurt

    Knowledge Communication | มนุษย์ผู้เชื่อว่า “การสื่อสารสามารถเชื่อมต่อความรู้สึกของกันและกันได้” ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือเผชิญกับอะไรอยู่ การสื่อสารจะช่วยบอกเล่าเรื่องราวส่งไปให้แก่ผู้อื่นได้รับรู้

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น