บทบาทไทยในการประชุม ‘COP30’ ตั้งเป้า ‘ลดก๊าซเรือนกระจก – ผลักดันกฎหมายโลกร้อน-เร่งทศวรรษแห่งการเปลี่ยนผ่าน

ไทยกับบทบาทในการประชุม COP30 ตลอดกว่าหนึ่งสัปดาห์ของการประชุม ‘COP30’ หรือ การประชุมประเทศภาคี (Conference of the Parties) ครั้งที่ 30 ที่จัดขึ้น ณ เมืองเบเล็ง (Belém) ประเทศบราซิลระหว่างวันที่ 10 – 21 พฤศจิกายน 2568 ไทยเข้าร่วมการประชุมภายใต้การนำของ ภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยได้กล่าวถ้อยแถลงแสดงเจตนารมณ์ว่าไทยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 47% จากระดับปี 2562 ตามที่ระบุไว้ในเอกสารเป้าหมายประเทศ NDC 3.0 ฉบับล่าสุด เเละหวังว่าผลลัพธ์ของ COP30 จะช่วยผลักดันให้ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นจริง

บทบาทของไทยในการเข้าร่วมเวที COP30 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ไทยย้ำว่าการกำหนดผลลัพธ์ที่ชัดเจนตามเป้าหมายการเสริมความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับโลก (Global Goal on Adaptation : GGA) เป็นสิ่งจำเป็น พร้อมร่วมมือกับภาคีทุกประเทศเพื่อให้ตัวชี้วัดของ GGA สามารถใช้ได้ทั้งในเชิงปฏิบัติระดับชาติและสอดคล้องกับแนวทางสากล 

นอกจากนี้ ไทยยังเดินหน้าสร้างระบบการทำงานที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือภายใต้ข้อ 6 ของความตกลงปารีส เพื่อให้การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกิดขึ้นจริง ควบคู่กับการออกแบบระบบแบ่งปันผลประโยชน์ที่เป็นธรรมและตลาดคาร์บอนที่มั่นคง อีกทั้งยังผลักดันร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เปิดให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ผ่านกองทุนสภาพภูมิอากาศและกลไกด้านราคาคาร์บอน

การประชุมรัฐภาคี COP30 ประเทศไทยนำเสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

  1. ตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 47 ภายในปี 2573 ไทยยืนยันว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงเกือบครึ่งจากระดับปี 2562 หรือราว 152 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ตาม เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (NDC) ฉบับที่ 3.0 ซึ่งเดินไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมายโลกภายใต้ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ทั้งยังสนับสนุนการเดินหน้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ตามทิศทางนโยบายของรัฐบาลและแนวทางของกรอบอนุสัญญา UNFCCC
  2. การเดินหน้ากฎหมายโลกร้อนฉบับแรกของประเทศ ไทยกำลังผลักดันกฎหมายด้านสภาพภูมิอากาศ โดยมีหัวใจสำคัญคือ การจัดตั้งกองทุนสภาพภูมิอากาศ และการกำหนดราคาคาร์บอนหรือภาษีคาร์บอน เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมรับผิดชอบต่อการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ
  3. ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านผ่านเวที TCAC ไทยใช้การประชุมภาคีขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference: TCAC) เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการทำงานในประเทศ และคาดหวังว่าผลลัพธ์จาก COP30 จะช่วยเร่งให้ “ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนผ่าน” เกิดขึ้นจริง โดยพร้อมร่วมมือกับทุกภาคีในการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ในวันเดียวกันนั้น (วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568) Thailand Pavilion จัดเวทีเสวนาหลากหลายประเด็น เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าไม้ การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าถึงตลาดคาร์บอน และพลังงานสะอาด พร้อมผลักดันให้ภาคเอกชนมองความยั่งยืนเป็นแหล่งมูลค่าทางธุรกิจ สะท้อนวิสัยทัศน์ว่า “ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
เปิดฉากการประชุม ‘COP30’ ที่บราซิล จับตาประเด็นพลังงานสะอาด – ระดมทุนอนุรักษ์ป่าไม้ ลดโลกร้อน และเร่งลงมือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาเดิม
– เปิดฉากการประชุม ‘COP29’ จับตาประเด็นการจัดหาเงินทุน – เร่งแก้ปัญหา Climate Change ในประเทศกำลังพัฒนา 
– สารจากประธาน COP29 เน้นย้ำความทะเยอทะยานและเร่งรัดการลงมือทำเกี่ยวการเงินเพื่อการต่อสู้กับ Climate Change
– ชวนจับตา 4 ประเด็นสำคัญการประชุม ‘COP28’ พร้อมสำรวจความกังวลต่อท่าทีเจ้าภาพในการยุติการใช้พลังงานฟอสซิล
– ไทยเตรียม 4 ข้อเสนอ ในการประชุม ‘COP 28’ พร้อมร่วมแก้ปัญหาโลกเดือดกับผู้นำโลก
– ไทยชู 5 ประเด็นสำคัญ ด้านสภาพภูมิอากาศใน ‘COP29’ พร้อมหารือแผนเงินทุนการลดก๊าซเรือนกระจก

ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.1) เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ
– (13.2) บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
– (13.a) ดำเนินการให้เกิดผลตามพันธกรณีที่ผูกมัดต่อประเทศพัฒนาแล้วซึ่งเป็นภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีเป้าหมายร่วมกันระดมทุนจากทุกแหล่งให้ได้จำนวน 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ภายในปี 2563 เพื่อจะแก้ปัญหาความจำเป็นของประเทศกำลังพัฒนาในบริบทของการดำเนินการด้านการบรรเทาที่ชัดเจนและมีความโปร่งใสในการดำเนินงานและทำให้กองทุน Green Climate Fund ดำเนินการอย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุดผ่านการให้ทุน
#SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง
– (16.6) พัฒนาสถาบันทุกระดับให้มีประสิทธิผล มีความรับผิดชอบ และโปร่งใส
– (16.7) สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.3) ระดมทรัพยากรทางการเงินเพิ่มเติมจากแหล่งที่หลากหลายไปยังประเทศกำลังพัฒนา
– (17.9) เพิ่มพูนการสนับสนุนระหว่างประเทศสำหรับการดำเนินการด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถที่มีประสิทธิผลและมีการตั้งเป้าในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสนับสนุนแผนระดับชาติที่จะดำเนินงานในทุกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงผ่านทางความร่วมมือแบบเหนือ-ใต้ ใต้-ใต้ และไตรภาคี
– (17.16) ยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมเติมเต็มหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายซึ่งจะระดมและแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และทรัพยากรด้านการเงิน เพื่อจะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา

แหล่งที่มา :
“3 สาระสำคัญ” ถ้อยแถลงประเทศไทยในเวทีเจรจาโลกร้อน COP 30 บราซิล (greennews)
ถ้อยแถลงไทยใน ‘COP 30’ ย้ำเป้าลดก๊าซ 47% ในปี 2035 (iGreen
รองนายกฯ สุชาติ เปิดประชุม TCAC 2025 ผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม สร้างอนาคตคาร์บอนต่ำ (กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม)

Author

  • Praewpan Sirilurt

    Knowledge Communication | มนุษย์ผู้เชื่อว่า “การสื่อสารสามารถเชื่อมต่อความรู้สึกของกันและกันได้” ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือเผชิญกับอะไรอยู่ การสื่อสารจะช่วยบอกเล่าเรื่องราวส่งไปให้แก่ผู้อื่นได้รับรู้

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น