[ข้อความฉบับเต็ม] SDG Move นำเสนอเสียงภาควิชาการและประชาสังคมในรายงาน VNR ประเทศไทย 2025 บนเวที HLPF

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชล บุนนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับเกียรติร่วมเป็นหนึ่งในคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025: HLPF 2025) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

การเข้าร่วมครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอรายงานผลการทบทวนการดำเนินงานตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ระดับชาติโดยสมัครใจของไทย (Voluntary National Review: VNR) ต่อที่ประชุม ซึ่งนำโดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยบทบาทของ SDG Move ในการจัดทำและนำเสนอรายงาน VNR ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการผนวกมุมมองจากภาควิชาการและภาคประชาสังคมในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของประเทศไทย

ในโอกาสนี้ SDG Move ขอยกข้อความฉบับเต็มของ ผศ.ชล บุนนาค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอรายงาน VNR ในครั้งนี้มาเผยแพร่เป็นภาษาไทย โดยมีเนื้อหาสำคัญที่สะท้อนถึงบทบาทและความท้าทายในการขับเคลื่อน SDGs ในบริบทของไทย


การนำเสนอรายงาน VNR ของ ผศ.ชล บุนนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯ SDG Move

“ขอบพระคุณ ฯพณฯ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นอย่างสูง ที่ได้มอบโอกาสให้ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำรายงาน VNR ประจำปีนี้ และร่วมนำเสนอในวันนี้

นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา SDG Move ได้ดำเนินงานร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อสร้างองค์ความรู้สำหรับการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในประเทศไทย รวมถึงการเชื่อมโยงภาควิชาการเข้ากับภาคส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง

ผมมีโอกาสได้อยู่ในห้องประชุมนี้เมื่อครั้งที่ประเทศไทยนำเสนอรายงาน VNR ฉบับแรกเมื่อแปดปีที่แล้ว นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราได้ประจักษ์ถึงความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นจากภาคีทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อน SDGs ทั้งจากภาคธุรกิจ สถาบันทางการเงิน และหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน เช่นเดียวกันกับสถาบันอุดมศึกษาของไทยที่ได้ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอย่างชัดเจน  ดังจะเห็นได้จากในปีนี้ที่มีมหาวิทยาลัยมากถึง 83 แห่งเข้าร่วมการจัดอันดับ Times Higher Education Impact Ranking โดยมีมหาวิทยาลัย 5 แห่งติดอันดับ 100 อันดับแรกของโลก อย่างไรก็ดี ยังคงมีช่องว่างอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในระบบรัฐสภาของเราที่การอภิปรายเกี่ยวกับ SDGs เกิดขึ้นอย่างจำกัด

ด้วยเหตุนี้ SDG Move จึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนการจัดทำรายงาน VNR ในครั้งนี้ โดยการจัดให้มีการปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วประเทศ และได้นำเสนอผลการค้นพบที่สำคัญบนเวทีนี้

ประการแรก เราได้ตระหนักแล้วว่า SDGs เป็นพลังสำคัญที่ช่วยผนึกรวมทุกภาคส่วน เราได้เห็นถึงความกระตือรือร้นของผู้มีบทบาทในระดับท้องถิ่นที่ต้องการทำความเข้าใจสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ของตนเอง โดยที่กรอบการทำงาน SDGs ได้ทำหน้าที่เป็นภาษากลางที่ช่วยทำความเข้าใจประเด็นที่ซับซ้อน และเป็นจุดเริ่มต้นอันทรงพลังสำหรับการสนทนาเพื่อไปสู่การสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

ประการที่สอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการกระจายศูนย์องค์ความรู้ ทักษะการวิจัย และเทคโนโลยีที่เหมาะสมไปสู่ท้องถิ่น โดยมีข้อเรียกร้องชัดเจนให้รื้อฟื้นโครงการวิจัยเพื่อท้องถิ่น (Community-Based Research – CBR) ซึ่งเคยประสบความสำเร็จอย่างสูงในอดีต โครงการนี้ได้เสริมพลังให้ประชาชนและองค์กรท้องถิ่นสามารถดำเนินงานวิจัยด้วยตนเองเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยมีนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุน

ประการที่สามและประการสุดท้าย ผลการหารือได้เผยให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งของการสร้างแพลตฟอร์มที่ส่งเสริมให้เกิดมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายของชุมชนและองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อให้สามารถร่วมออกแบบนโยบายด้าน SDGs และบูรณาการข้อมูลจากภาคประชาชน (citizen-generated data) เข้าสู่กรอบการติดตามและประเมินผลอย่างเป็นทางการได้

ขอบพระคุณครับ”

กระบวนการรวบรวมข้อมูลเพื่อรายงาน VNR 2025

เพื่อให้รายงาน VNR ฉบับนี้สามารถสะท้อนสถานการณ์ในประเทศไทยได้อย่างครอบคลุม รัฐบาลไทยได้รวบรวมข้อประเมินและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ ต่อการขับเคลื่อน SDGs ในประเทศไทย โดย SDG Move มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมข้อมูลจาก 2 ภาคส่วนหลัก ดังนี้

1. ภาคประชาสังคม: SDG Move ได้รวบรวมข้อมูลจากการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกรุงเทพฯ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศร่วมจัดกับ SDG Move เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 เพื่อประกอบการจัดทำรายงาน VNR 2025

2. ภาควิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.): สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ SDG Move ได้จัดการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นเจ้าภาพ เพื่อรับฟังความต้องการและข้อเสนอแนะสำหรับการใช้ ววน. เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย


Last Updated on กรกฎาคม 29, 2025

Author

  • Natetida Bunnag

    Social Media Manager - ตัวแทน 'คนธรรมดา' ในชุมชนนักวิชาการ อ่าน แปล และสื่อสารเรื่องความยั่งยืน

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น