SDG Updates | SDG Index ของจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียง: สถานะรายเป้าหมายและข้อค้นพบรายตัวชี้วัด

ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จับมือ กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เเละคณะทำงานระดับภาคทั้ง 6 ภาค ได้แก่ เหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง ตะวันออก ใต้ และใต้ชายแดน เผยเเพร่ SDG Index ระดับจังหวัดของประเทศไทย โดยข้อมูลชุดนี้เป็นผลจากการวิจัยภายใต้ โครงการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน หรือ “Area Need” มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเป็นฐานข้อมูลตั้งต้นเเก่ สกสว. สำหรับวางเเผนดำเนินการระบบวิจัย วิทยาศาสตร์ เเละนวัตกรรม (ววน.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับพื้นที่ โดยไม่ได้สภาพบังจังหวัดใดเป็นการเฉพาะ

โดยศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) ดำเนินการร่วมกับเครือข่ายภาควิชาการในภาคต่าง ๆ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา มีจุดมุ่งหมายเพื่อหาความท้าทายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ในระดับภาคในแต่ละภาค ซึ่งสะท้อนถึงการบูรณาการบทบาทและความร่วมมือระหว่าง สกสว. และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน


00 – ข้อควรทราบก่อนอ่านรายงาน

  • กระบวนการสำคัญของ Area Need 3 คือการจัดทำ ‘ดัชนีการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับจังหวัด’ หรือที่เรียกว่า ‘Provincial SDG Index’ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการวัดและติดตามความก้าวหน้าด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในแต่ละพื้นที่ ผ่านการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลระดับชาติที่เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ควบคู่กับการวิเคราะห์ช่องว่างของข้อมูล ผ่านกระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อนำเสนอข้อมูลความท้าทายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับภูมิภาคและรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับพื้นที่ ที่จัดทำโดย ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • การประเมินสถานะเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับจังหวัด ผ่านการใช้ข้อมูลทุติยภูมิในระดับภายในประเทศ (sub-national) เพื่อการประเมินสถานะของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รายจังหวัดหรือเมืองในประเทศ โดยในต่างประเทศ มีการใช้ SDG Index ในการประเมินระดับเมืองและระดับรัฐมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมาในหลายประเทศ ดำเนินการโดยเครือข่าย SDSN Thailand  นอกจากนี้ในประเทศไทยยังมีการใช้ข้อมูลทุติยภูมิประเมินสถานการณ์ในประเทศที่สอดคล้องกับ SDGs โดยงานที่สำคัญคืองานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่พัฒนาตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในปี พ.ศ. 2564 ที่จัดระบบตามแบบ 5Ps (People Prosperity Planet Peace และ Partnership) และงานที่โครงการพัฒนาเเห่งสหประชาชาติ (UNDP) ทำร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)ในการจัดทำ Provincial SDG Profile ในปี พ.ศ. 2566
  • การจัดทำ SDG Index ระดับจังหวัด เบื้องต้นเน้นใช้ตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับดัชนีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากลเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากมีตัวชี้วัดระดับจังหวัดอื่นที่สอดคล้องกับเป้าหมายย่อยของ SDGs แม้ไม่ถูกรวมอยู่ในดัชนีสากล ก็อาจพิจารณานำมาบรรจุเพิ่มเติมได้ เหตุผลสำคัญคือ การยกระดับคะแนนและสถานะของประเทศไทยในดัชนีสากล จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่สะท้อนสถานการณ์จริงภายในประเทศอย่างครบถ้วน การมีตัวชี้วัดที่เชื่อมโยงทั้งระดับสากลและระดับพื้นที่ จะช่วยให้สามารถระบุปัญหาเชิงพื้นที่ได้ชัดเจนและจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหาและพัฒนาสถานะตัวชี้วัดเหล่านั้นต่อไป
  • วิธีการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี มี 3 ขั้นตอน ได้แก่
  1. การทบทวนวรรณกรรม (literature review): ดำเนินการสำรวจและรวบรวมตัวชี้วัดจากหลายแหล่ง ได้แก่ SDG Index, รายงานความยั่งยืนระดับกลุ่มจังหวัด, SDG Profile, และรายงานสถานะตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ พ.ศ. 2566 จากนั้นจึงทำการคัดเลือกตัวชี้วัดที่เหมาะสม พร้อมกำหนด Proxy Indicator และระบุตัวชี้วัดที่จะใช้ในโครงการ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำรายการตัวชี้วัดระดับจังหวัดของประเทศไทยที่มีความสอดคล้องกับตัวชี้วัดของดัชนีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากลพร้อมทั้งระบุข้อมูลของตัวชี้วัดทั้งหน่วยงานเจ้าของข้อมูล รอบของการจัดเก็บและรายงาน
  2. การรวบรวมข้อมูล (data collection): ดำเนินการดึงข้อมูลหรือขอความอนุเคราะห์ข้อมูลระดับจังหวัดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำหนดกฎเกณฑ์และค่าเป้าหมายต่าง ๆ ข้อมูลดิบตามรายการที่จัดทำไว้ในข้อแรก โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลหลากหลาย เช่น ฐานข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และการประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของข้อมูลอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นให้ได้ข้อมูลย้อนหลังอย่างน้อย 5 ปี หากสามารถเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2558 จะเป็นประโยชน์สูงสุด เนื่องจากช่วยให้สามารถวิเคราะห์และแสดงแนวโน้มของสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน
  3. การวิเคราะห์ข้อมูล (data processing and analysis): รวบรวมข้อมูลตัวชี้วัดลงในเทมเพลตการคำนวณ จากนั้นจึง normalization ค่าข้อมูลให้อยู่ในช่วง 0 ถึง 100 และคำนวณ ค่าเฉลี่ยตามเป้าหมาย ทั้งในระดับจังหวัดและระดับภาค พร้อมระบุประเด็นท้าทายของแต่ละจังหวัด สำหรับการกำหนดระดับสีของตัวชี้วัด จะใช้กระบวนการทางสถิติในการจัดกลุ่มข้อมูล โดยพิจารณารายการตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย ค่าต่ำสุด และค่าที่ใช้ในการแบ่งระดับสี

01 – ภาพรวม SDG Index ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

คะแนน SDG Index เฉลี่ยของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ 55.61 คะแนน ซึ่งบ่งชี้ระดับการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยภาพรวมของภาคที่อยู่ในระดับปานกลาง โดยจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีคะแนนสูงที่สุด คือ 62.38 คะแนน แสดงถึงความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่วนจังหวัดบึงกาฬ มหาสารคาม บุรีรัมย์ อุดรธานี หนองคาย สุรินทร์ ยโสธร และนครราชสีมา มีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภาค แสดงถึงความพยายามในการพัฒนาที่ยั่งยืน ขณะที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ มีคะแนนใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของภาค แสดงถึงระดับการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับปานกลาง จังหวัดนครพนม ชัยภูมิ สกลนคร เลย ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู และศรีสะเกษ มีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภาค แสดงถึงความจำเป็นในการเร่งพัฒนาที่ยั่งยืน และ จังหวัดมุกดาหาร มีคะแนนต่ำสุดในภาค คือ 50.67 คะแนน แสดงถึงความท้าทายในการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นอย่างมาก

คำอธิบายสีสถานะ
เขียว – จังหวัดที่มีผลการดำเนินงานเป้าหมายนั้นที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น
เหลือง – จังหวัดที่มีผลการดำเนินงานเป้าหมายนั้นค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น
ส้ม – จังหวัดที่มีผลการดำเนินงานเป้าหมายนั้นค่อนข้างต้องปรับปรุงเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น
แดง – จังหวัดที่มีผลการดำเนินงานเป้าหมายนั้นที่ต้องปรับปรุงเร่งด่วนเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น
เทา – ไม่มีข้อมูล

ด้านสถานะผลการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ระดับจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นสำคัญ ดังนี้ 

  • สถานะผลการดำเนินงานโดยรวมภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในมิติด้านสันติภาพและสถาบัน (SDG 16)  และมิติสังคม (SDG 2 – 4) เศรษฐกิจ (SDG 8) สิ่งแวดล้อม (SDG 12,15)  ประเด็นเหล่านี้บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการเร่งดำเนินการและกำหนดนโยบายที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบ 
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างดีในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหุ้นส่วนการพัฒนา (SDG 17) การเข้าถึงพลังงานอย่างยั่งยืน (SDG 7) ความเท่าเทียมทางเพศ (SDG 5) และการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศ (SDG 13)
  • สถานะการบรรลุเป้าหมาย SDG ของแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด บางจังหวัดมีความก้าวหน้าในบางเป้าหมาย ขณะที่บางเป้าหมายต้องปรับปรุงเร่งด่วนเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น 

เมื่อนำคะแนน SDG Index รายตัวชี้วัดมาหาค่าเฉลี่ยรายเป้าหมายของแต่ละจังหวัดเพื่อหาค่าเฉลี่ยรายเป้าหมายหมายของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าสำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป้าหมายที่ได้คะแนนสูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ SDG 7 มีคะแนน 81.89 คะแนน SDG 13 มีคะแนน 81.82 คะแนน SDG 6 มีคะแนน 78.30 คะแนน SDG 15 มีคะแนน 74.27 คะแนน และ SDG 16 มีคะแนน 68.18 คะแนน ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าเป้าหมายที่มีคะแนนสูงส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และสันติภาพ

ขณะที่เป้าหมายที่ได้คะแนนต่ำที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ SDG 9 มีคะแนน 32.48 คะแนน SDG 4 มีคะแนน 34.65 คะแนน SDG 17 มีคะแนน 41.18 คะแนน SDG 1 มีคะแนน 42.83 คะแนนและ SDG 2 มีคะแนน 43.25 คะแนน ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าเป้าหมายที่มีคะแนนต่ำส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านสังคม เศรษฐกิจ และหุ้นส่วนการพัฒนา


02 – ข้อค้นพบรายตัวชี้วัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เมื่อพิจารณาในเชิงตัวชี้วัด พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีประเด็นที่สะท้อนความก้าวหน้าในการดำเนินงาน และประเด็นที่ยังคงมีความเสี่ยงหรือข้อท้าทาย ดังนี้

ประเด็นที่มีความก้าวหน้าในการดำเนินงาน ได้แก่ 

  • ประเด็นพื้นที่เกษตรที่มีการทำการเกษตรแบบยั่งยืน (SDG 2) 
  • ประเด็นอัตราการตายทารกแรกเกิดอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 28 วัน (SDG 3) 
  • ประเด็นครัวเรือนที่มีน้ำดื่มสะอาด (SDG 6)  
  • ประเด็นปริมาณการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนต่อประชากร (SDG 7) 
  • ประเด็นการเผาไหม้ในเขตชุมชน (SDG 11) 
  • ประเด็นปริมาณขยะ E-Waste (SDG 12) 
  • ประเด็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในกระบวนการอุตสาหกรรม (SDG 12) 
  • ประเด็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ (SDG 13) 
  • ประเด็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่น (SDG 15) 
  • ประเด็นพื้นที่บุกรุกป่า (SDG 15) 
  • ประเด็นพื้นที่เผาไหม้ในเขตป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ (SDG 15) 
  • ประเด็นชนกลุ่มน้อยที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยต่อจำนวนประชากรแสนคน (SDG 16) 

ประเด็นที่มีความเสี่ยงในการดำเนินงาน ได้แก่

  • ประเด็นพื้นที่ทำการเกษตรที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ (SDG 2) 
  • ประเด็นจำนวนผู้ที่ได้รับการรับรอง GAP ตามโรคพืช (SDG 2) 
  • ประเด็นความครอบคลุมสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศ (SDG 3) 
  • ประเด็นการสำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น (SDG 4) 
  • ประเด็นผลคะแนนสอบ O-NET ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 (SDG 4) 
  • ประเด็นผลคะแนนสอบ O-NET ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 (SDG 4) 
  • ประเด็นหญิงอายุน้อยกว่า 20 ปี ที่ได้รับบริการคุมกำเนิดหลังคลอดหรือหลังแท้ง (SDG 5)  
  • ประเด็นบทความ/งานวิจัยที่เผยแพร่ในฐานข้อมูล Scopus (SDG 9) 
  • ประเด็นผู้ประกอบการขนส่งประจำทาง ต่อ ประชากร (SDG 11) 
  • ประเด็นพื้นที่สีเขียว ต่อประชากร (SDG 11) 
  • ประเด็นโรงแรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Hotel (SDG 12) 
  • ประเด็นการแก้ปัญหาเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน (SDG 16) 
  • ประเด็นผลจัดเก็บภาษีอากรรายจังหวัด ต่อ GPP (SDG 17)

จากข้อค้นพบรายตัวชี้วัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สะท้อนให้เห็นว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความก้าวหน้าโดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายสำคัญในด้านเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน


03 – จังหวัดที่มีคะแนนและอันดับน่าสนใจ

เมื่อพิจารณาจากลำดับและคะแนนภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 20 จังหวัด พบว่าจังหวัดที่มีผลคะแนนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับที่ 1 ขอนแก่น (62.38 คะแนน) อันดับที่ 2 บึงกาฬ (60.72 คะแนน) อันดับที่ 3 มหาสารคาม (60.42 คะแนน) อันดับที่ 4 บุรีรัมย์ (59.92 คะแนน) และอันดับที่ 5 อุดรธานี (58.05 คะแนน) 

เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พบว่าสาเหตุที่ จังหวัดขอนแก่น ถูกจัดเป็นอันดับหนึ่งของภาคและประเทศ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานค่อนข้างดี (สีเหลือง) มากถึง 6 เป้าหมาย ได้แก่ SDG 1 (ยุติความยากจน) SDG 6 (น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล) SDG 7 (พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้) SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) SDG 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน) และ SDG 17 (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน)  ขณะที่เป้าหมายที่มีผลการดำเนินงานที่ต้องปรับปรุงเร่งด่วน มี 4 เป้าหมาย ได้แก่ SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) SDG 8 (งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ) SDG 12 (การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน) และ SDG 16 (สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง) 

ขณะที่ 5 อันดับสุดท้ายจังหวัดที่มีผลคะแนนต่ำสุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อันดับสุดท้าย อันดับ 20 มุกดาหาร (50.67 คะแนน) อันดับ 19 ศรีษะเกษ (51.33 คะแนน) อันดับ 18 หนองบัวลำภู (51.86 คะแนน) อันดับ 17 ร้อยเอ็ด (52.87 คะแนน) และ อันดับ 16 เลย 53.28

เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พบว่าสาเหตุที่  จังหวัดมุกดาหาร ถูกจัดอยู่อันดับท้ายสุดของภาค เนื่องจากเป้าหมายที่มีผลการดำเนินงานค่อนข้างดี (สีเหลือง) เพียง 2 เป้าหมาย คือ SDG 7 (พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้) และ SDG 17 (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) ขณะที่เป้าหมายที่มีผลการดำเนินงานต้องปรับปรุง (สีส้ม) มากถึง 12 เป้าหมาย ได้แก่ SDG 1 (ยุติความยากจน) SDG 2 (ยุติความหิวโหย) SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) SDG 5 (ความเท่าเทียมทางเพศ) SDG 6 (น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล) SDG 9 (โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม) SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) SDG 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน) SDG 12 (การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน) SDG13 (การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) SDG 14 (ทรัพยากรทางทะเล) SDG15 (ระบบนิเวศบนบก) และ SDG 16 (สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง) และเป้าหมายที่มีผลการดำเนินงานต้องปรับปรุงเร่งด่วน (สีแดง) 2 เป้าหมาย ได้แก่ SDG 4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ) และ SDG 8 (งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ)

จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีคะแนนเฉลี่ยในระดับภาคที่ใกล้เคียงกับคะแนนเฉลี่ยในระดับประเทศ โดยมีทั้งจังหวัดที่มีคะแนนสูงกว่า 60 คะแนนขึ้นไป เช่น บึงกาฬ ขอนแก่น มหาสารคาม ขณะเดียวกันมีจังหวัดที่มีคะแนนต่ำอย่างผิดปกติเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ศรีสะเกษ มุกดาหาร แต่โดยภาพรวมในทุกจังหวัดมีคะแนนเฉลี่ยที่อยู่ในระดับปานกลาง

บทความถัดไป SDG Move จะนำเสนอรายละเอียดของ SDG Index รายจังหวัดตามกลุ่มภูมิภาค พร้อมทั้งเชื่อมโยงให้เห็นในระดับเป้าหมายว่าจังหวัดต่าง ๆ มีความก้าวหน้าหรือท้าทายในเป้าหมายใดเป็นการเฉพาะบ้าง  ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติงานระดับพื้นที่และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการนำไปต่อยอดเชิงนโยบายและการปฏิบัติร่วมกันได้

อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้องกับโครงการ Area Need : ที่นี่


อติรุจ ดือเระ – บรรณาธิการ
แพรวพรรณ ศิริเลิศ – พิสูจน์อักษร
วิจย์ณี เสนเเดง – ภาพประกอบ

ซีรีส์ Area Need จะสรุปข้อค้นพบสำคัญของโครงการปีที่ 1 - 2 และอัปเดตสิ่งที่เรากำลังทำต่อในปีที่ 3 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

Last Updated on กันยายน 14, 2025

Author

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น