องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย (World Animal Protection Thailand) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร จัดเสวนาประเด็น “Just Food Transition: Climate Solutions on Our Plate” หรือ “เปลี่ยนผ่านสู่ระบบอาหารที่เป็นธรรม: ทางออกของโลกเรา” ณ โรงแรม ASAI Bangkok Sathorn กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568
เสวนาครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้งาน Bangkok Climate Action Week โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความตระหนักและเตือนผู้คนในสังคมถึงอันตรายของระบบฟาร์มเชิงอุตสาหกรรมซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญที่ทำให้โลกต้องเผชิญกับวิกฤติสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น พร้อมกับเน้นย้ำความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านระบบอาหารที่เป็นธรรมในฐานะเครื่องมือสำคัญของการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเสวนาแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Factory Farming and The Climate Crisis: Why a Just Food Transition Can’t Wait!” และอีกช่วงจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Small Equitable, Humane and Sustainable Food Future” โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ เช่น
- โชคดี สมิทธิ์กิตติผล หัวหน้าฝ่ายโครงการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย ระบุว่าทุก ๆ ปีสัตว์กว่า 80,000 ตัวถูกเลี้ยงเพื่อฆ่าเป็นอาหาร โดยกว่า 70% ของจำนวนสัตว์กลุ่มนี้อยู่ในฟาร์มเชิงอุตสาหกรรมที่โหดร้าย ซึ่งรายงานดัชนีฟาร์มอุตสาหกรรม (Factory Farming Index) ที่จะเผยแพร่ในเร็ว ๆ นี้ ชี้ว่าระบบนี้กำลังขยายตัวทั่วโลกและเป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ซึ่งหากรัฐบาลไม่สามารถหยุดยั้งการขยายตัวได้ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็ทำงานเพื่อมุ่งไปสู่การเปลี่ยนผ่านระบบอาหารที่เป็นธรรม มีมนุษยธรรม และยั่งยืนอย่างเร่งด่วน
- วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการ มูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) เผยว่าฟาร์มเชิงอุตสาหกรรมกำลังทำลายรากเหง้าของเราทั้งดิน น้ำ และความหลากหลายทางพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ ข้าวโพดที่ปลูกเลี้ยงสัตว์คือหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่สำคัญของปัญหาดินโคลนถล่ม น้ำท่วม และฝุ่นพิษในภาคเหนือ ขณะเดียวกันพันธุ์หมูและไก่ดั้งเดิมของไทยก็กำลังสูญหาย ถูกผูกขาดโดยเพียง 4 บริษัทใหญ่ทั่วโลก การใช้ยาปฏิชีวนะมหาศาลยิ่งซ้ำเติมจนเราเสี่ยงต่อวิกฤติเชื้อดื้อยา นี่คือหายนะของนิเวศเกษตรที่แท้จริง
- แผ้ว ภิรมย์ ผู้จัดการแคมเปญระบบอาหาร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทยชี้ว่า การเปลี่ยนผ่านต้องทำอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อปลดปล่อยเกษตรกรจากวงจรหนี้และทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลจริงในการเลือก
- ธวัชชัย พวงจันทร์ จากพลูโตฟาร์ม เห็นว่าฟาร์มที่ให้สัตว์มีอิสระ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ และทำงานเชื่อมโยงกับชุมชน ควรเป็นโมเดลที่รัฐสนับสนุน แทนการผลักเกษตรกรไปสู่หนี้สินเพิ่ม
- พงศ์ภูนาถ รุ่งเรือง จากฟาร์มสเตย์ไร่คืนรัง ระบุว่าการยกระดับเกษตรกรรายย่อยให้เป็นฟาร์มแชมเปี้ยนโมเดล เชื่อมโยงกับเกษตรนิเวศ (agroecology) และศูนย์กลางอาหารท้องถิ่น (local food hub) จะช่วยให้อาหารยั่งยืนไม่ถูกมองว่าเป็นของเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้
การเสวนาครั้งนี้นับว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของการนำเรื่องระบบอาหารที่เป็นธรรมมาสนทนาเเลกเปลี่ยนข้ามภาคส่วนในที่สาธารณะ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างการรับรู้ที่กว้างขึ้นเเล้วยังช่วยให้มองเห็นทิศทางของการผลักดันเชิงนโยบายเพื่อทำให้โจทย์คิดที่สำคัญนี้ได้รับการตอบสนองเเละเกิดขึ้นจริง
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี กว่า 1 ใน 10 คน กำลังเผชิญความยากจนทางอาหารขั้นรุนแรง ยูนิเซฟชี้ทุกภาคส่วนต้องช่วยให้เด็กเข้าถึงอาหารมากขึ้น
– รายงานวิกฤตการณ์อาหารโลกปี 2567 เผยโลกเผชิญกับ ‘ความไม่มั่นคงทางอาหาร’ เหตุจากความขัดแย้ง – สภาพอากาศสุดขั้ว – เศรษฐกิจย่ำแย่
– วิกฤตราคาอาหารพุ่งในศรีลังกา สู่ความโกรธาจากใจประชาชน
– เมื่อความหิวโหยจุดชนวนเหตุขัดแย้ง: Timeline ความล่มสลายทางเศรษฐกิจของประเทศศรีลังกา
– วิกฤติทางการเมืองในเมียนมาทำให้ประชากรอีก 3.4 ล้านคนต้องเผชิญกับ ‘ความหิวโหย’
– การปฏิรูประบบอาหารให้เป็นการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน หัวใจที่ UN Food Systems Summit เรียกร้องให้ลงมือทำ
– SDG Updates | โลกไม่อาจยุติความหิวโหยได้ หากไม่สามารถยุติความขัดแย้ง และสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น
– SDG Updates | ‘อู่ข้าวอู่น้ำ’ มายาคติความมั่นคงทางอาหารของไทย : สำรวจสถานการณ์และความท้าทายที่เกิดขึ้น
– FAO เรียกร้องให้เพิ่มการลงทุน ‘ความมั่นคงทางอาหาร’ – พบผู้คนราว 733 ล้านคนทั่วโลกยังเผชิญกับความหิวโหย
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG2 ขจัดความหิวโหย
– (2.4) สร้างหลักประกันว่าจะมีระบบการผลิตอาหารที่ยั่งยืนและดำเนินการตามแนวปฏิบัติทางการเกษตรที่มีภูมิคุ้มกันที่จะเพิ่มผลิตภาพและการผลิต ซึ่งจะช่วยรักษาระบบนิเวศ เสริมขีดความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะอากาศรุนแรง ภัยแล้ง อุทกภัย และภัยพิบัติอื่น ๆ และจะช่วยพัฒนาคุณภาพของดินและที่ดินอย่างต่อเนื่อง ภายในปี พ.ศ. 2573
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.1) เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ
#SDG15 ระบบนิเวศบนบก
– (15.1) สร้างหลักประกันว่าจะมีการอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการใช้ระบบนิเวศบนบกและในน้ำจืดในแผ่นดินรวมทั้งบริการทางระบบนิเวศอย่างยั่งยืน เฉพาะอย่างยิ่ง ป่าไม้ พื้นที่ชุ่มน้ำ ภูเขา และเขตแห้งแล้ง โดยเป็นไปตามข้อบังคับภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศ ภายในปี 2563
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.17) สนับสนุนและส่งเสริมหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาครัฐ-ภาคเอกชน และประชาสังคม สร้างบนประสบการณ์และกลยุทธ์ด้านทรัพยากรของหุ้นส่วน
แหล่งที่มา
– Bangkok Climate Action Week: ก้าวสู่ Just Transition เพื่อโลกและสัตว์ (World Animal Protection Thailand)
– วงเสวนาชี้การแก้โลกร้อนจะล้มเหลว หากยังละเลย ‘ระบบอาหารที่เป็นธรรม’ (ประชาไท)








