เมื่อไรก็ตามที่มีการพูดถึง “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” (climate change) ไม่ว่าจะในการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ ห้องประชุมคณะกรรมการบริษัท หรือในหน้าสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ สาระสำคัญมักเน้นไปที่การลดผลกระทบทางสภาพภูมิอากาศ (mitigation) หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “ศูนย์สุทธิ” (net zero) ขณะที่การปรับตัว ซึ่งหมายถึงการดำเนินมาตรการเพื่อเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลับได้รับความสนใจน้อยจากทั่วโลก
องค์การสหประชาชาติเตือนว่า โลกพลาดเป้าหมายในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ขณะที่นักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปเห็นพ้องว่า หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเกิน 1.5°C โลกจะเริ่มเผชิญกับจุดเปลี่ยนที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ป่าฝนอเมซอนเสี่ยงที่จะกลายเป็นทุ่งหญ้าหรือสะวันนา และเกาะกรีนแลนด์ต้องเผชิญกับการละลายของหิมะและน้ำแข็งอย่างถาวร ซึ่งแม้จะเรียกการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่าเป็นเพียงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก แต่แท้จริงแล้วมันซ่อนความรุนแรงสุดขั้วที่ผู้คนหลายล้านต้องเผชิญ แทนที่จะเป็นเส้นตรงคงที่บนกราฟ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอาจปรากฏเป็นยอดกราฟที่สูงขึ้นและต่ำลงอย่างฉับพลัน ซึ่งสะท้อนถึงเหตุการณ์น้ำท่วมและภัยแล้งที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด บิล เกตส์ (Bill Gates) มหาเศรษฐีมหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft และนักการกุศล ได้จุดประเด็นถกเถียงในสังคม ด้วยความเห็นว่าการแก้ปัญหาโดยเน้นเพียงการลดผลกระทบทางสภาพภูมิอากาศอาจไม่เพียงพอ เขาไม่ได้ปฏิเสธความสำคัญของมาตรการด้านสภาพภูมิอากาศ แต่ต้องการเน้นว่าการปรับตัวควบคู่และการลดผลกระทบ ควรดำเนินควบคู่กันไป พร้อมกับตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพ ที่อยู่อาศัย และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ การปรับตัวซึ่งมุ่งเน้นไปที่การหาวิธีที่โลกควรตอบสนองต่อผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เราได้ปล่อยออกไปแล้วและยังคงปล่อยอย่างต่อเนื่อง และคำถามสำคัญคือ เราจะทำให้การปรับตัวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ด้านงานวิจัยของ Dr.Rowena Hill ศาสตราจารย์ศาสตราจารย์ที่มีความสนใจด้านการจัดการภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัย มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมเทรนต์ ระบุว่าความเสี่ยงและความยืดหยุ่นในระดับสังคม มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจความเสี่ยงและดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ แม้จะไม่สามารถหยุดการเพิ่มขึ้นของความรุนแรงหรือความถี่ของสภาพอากาศสุดขั้วได้ แต่ยังมีสิ่งที่ผู้คนสามารถทำเพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของตนเองได้ คือการปฏิบัติตามหลักการปรับตัว (adaptation) การเตรียมพร้อมเพื่อปกป้องตัวเองและเพื่อนบ้านที่เปราะบางล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุฉุกเฉินในพื้นที่ เช่น น้ำท่วม จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อแรงกดดันต่อบริการฉุกเฉินเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะต้องมีอุปกรณ์และการฝึกอบรมที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับความท้าทายจากเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้น รวมถึงด้านระบบอาหาร การตั้งรับปรับตัวก็สามารถช่วยสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาคเกษตรกรรมเผชิญกับความเสี่ยงทั่วโลกและห่วงโซ่อุปทานมีความเปราะบางมากขึ้นจากสภาพอากาศสุดขั้วหรือความล้มเหลวของผลผลิต
ตัวอย่างแนวทางการปรับตัวต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศจาก 3 ประเทศ
- บังกลาเทศ – ระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early warning systems) เป็นประเทศชายฝั่งและที่ราบลุ่ม ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้า เพื่อแจ้งเตือนพายุไซโคลน น้ำท่วม และภัยพิบัติทางธรรมชาติแก่ชุมชนท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับอดีต แม้แนวทางนี้ช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่เมื่อผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนเพิ่มขึ้น บังกลาเทศอาจเผชิญกับ การอพยพครั้งใหญ่ เนื่องจากระดับน้ำทะเลเพิ่ม น้ำท่วมแม่น้ำ และคลื่นความร้อนสุดขั้ว
- ตูวาลู – ประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิก กำลังเผชิญกับระดับน้ำทะเลเพิ่ม น้ำท่วมบ่อยขึ้น และน้ำจืดปนเค็ม รัฐบาลจึงลงทุนในโครงการถมดิน เพื่อรักษาพื้นที่ต่ำบางส่วนให้อยู่เหนือระดับน้ำ นอกจากนี้ ตูวาลูได้ลงนามข้อตกลงการ ย้ายถิ่นชั่วคราว กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรเลีย แม้ว่ารัฐบาลจะยืนยันว่าประชากรไม่มีแผนจะทิ้งเกาะก็ตาม แต่ความล่าช้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้ประเทศยังเสี่ยงต่อ น้ำท่วมรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ชีวิตบนเกาะยากลำบากขึ้นเรื่อย ๆ
- เคนยา – การให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นศูนย์กลาง โดยได้สร้างช่องทางให้ คณะกรรมการท้องถิ่น มีอำนาจจัดสรรงบประมาณไปยังโครงการปรับตัวที่ตอบโจทย์ความสำคัญของชุมชน การให้ชุมชนท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดลำดับความสำคัญ แม้จะทำได้ยาก แต่เป็นวิธีสำคัญในการทำให้มาตรการปรับตัว เกี่ยวข้องและตรงกับชีวิตของผู้คน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะจัดการได้เพียงแค่การดำเนินการในระดับท้องถิ่น หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเกิน 2°C ผู้คนอาจต้องได้รับ การสนับสนุนแนวทางใหม่ เช่น การเปลี่ยนไปปลูกพืชพันธุ์ใหม่ หรือเปลี่ยนอาชีพออกจากภาคเกษตรกรรม
สุดท้ายนี้การสร้างประเทศที่ปรับตัวได้ดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การมองการปรับตัว เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่กว้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสังคม เช่น ความยากจน ที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอ สุขภาพ และการเติบโตทางเศรษฐกิจ จะช่วยเปลี่ยนบทสนทนาเรื่องสภาพภูมิอากาศจากเรื่องการเสียสละและชดเชย เป็นเรื่องของการสร้างการตั้งรับปรับตัวและการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คน
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– รายงาน UN ประเมินต้นทุนความเสียหาย จากภัยพิบัติโลกสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี – แนะการลงทุนเสริมการตั้งรับปรับตัว
– เปิดฉากการประชุม ‘COP30’ ที่บราซิล จับตาประเด็นพลังงานสะอาด – ระดมทุนอนุรักษ์ป่าไม้ ลดโลกร้อน และเร่งลงมือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาเดิม
– ไทยชู 5 ประเด็นสำคัญ ด้านสภาพภูมิอากาศใน ‘COP29’ พร้อมหารือแผนเงินทุนการลดก๊าซเรือนกระจก
– SDG Updates | Climate Change ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ – สิ่งที่รัฐต้องตระหนักจากรายงาน IPCC ล่าสุด
– รายงาน IPCC ล่าสุด เตือนว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น จะทำให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้วรุนแรงที่ “ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์”
– อ่านรายงานล่าสุด ‘สถานะสภาพภูมิอากาศของโลก 2563’: ดู Climate Change ว่าเป็นอย่างไรในช่วง 28 ปีที่ผ่านมา
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG1 ขจัดความยากจน
– (1.5) ภายในปี 2573 สร้างภูมิต้านทานให้แก่คนยากจนและคนที่อยู่ในสถานการณ์เปราะบางและลดการเผชิญหน้าและความเสี่ยงต่อเหตุการณ์รุนแรง/ภัยพิบัติอันเนื่องมาจากภูมิอากาศ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.1) เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ
– (13.2) บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
– (13.a) ดำเนินการให้เกิดผลตามพันธกรณีที่ผูกมัดต่อประเทศพัฒนาแล้วซึ่งเป็นภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีเป้าหมายร่วมกันระดมทุนจากทุกแหล่งให้ได้จำนวน 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ภายในปี 2563 เพื่อจะแก้ปัญหาความจำเป็นของประเทศกำลังพัฒนาในบริบทของการดำเนินการด้านการบรรเทาที่ชัดเจนและมีความโปร่งใสในการดำเนินงานและทำให้กองทุน Green Climate Fund ดำเนินการอย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุดผ่านการให้ทุน
#SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง
– (16.6) พัฒนาสถาบันทุกระดับให้มีประสิทธิผล มีความรับผิดชอบ และโปร่งใส
– (16.7) สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.3) ระดมทรัพยากรทางการเงินเพิ่มเติมจากแหล่งที่หลากหลายไปยังประเทศกำลังพัฒนา
– (17.9) เพิ่มพูนการสนับสนุนระหว่างประเทศสำหรับการดำเนินการด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถที่มีประสิทธิผลและมีการตั้งเป้าในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสนับสนุนแผนระดับชาติที่จะดำเนินงานในทุกเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงผ่านทางความร่วมมือแบบเหนือ-ใต้ ใต้-ใต้ และไตรภาคี
– (17.16) ยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมเติมเต็มหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายซึ่งจะระดมและแบ่งปันความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และทรัพยากรด้านการเงิน เพื่อจะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
แหล่งที่มา :
– What does climate adaptation actually mean? An expert explains (theconversation)
– How five countries are adapting to the climate crisis (theconversation)
Last Updated on พฤศจิกายน 26, 2025








