องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration : IOM) เผยแพร่รายงาน “Asia-Pacific Migration Data Report 2025” นำเสนอข้อมูลและการวิเคราะห์ล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์การย้ายถิ่นในภูมิภาคตลอดปี 2568 พบว่าการพลัดถิ่นจากความขัดแย้งพุ่งสูงจนทำลายสถิติในปี 2567 ขณะเดียวกันเอเชีย–แปซิฟิกยังคงเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนการพลัดถิ่นภายในประเทศจากภัยพิบัติสูงที่สุดในโลก โดยในปี 2567 ถูกบันทึกว่าเป็นปีที่มีผู้อพยพจากภูมิภาคนี้เสียชีวิตมากที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้
จากรายงานระบุว่าภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ยังคงเป็นภูมิภาคที่เป็นต้นทางหลักของผู้อพยพย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศคิดเป็นราวหนึ่งในสามของผู้อพยพทั่วโลก โดยปี 2567 มีจำนวนผู้อพยพระหว่างประเทศจากภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น 8.9 ล้านคนจาก 81.7 ล้านคน ในปี 2563 เป็น 90.6 ล้านคน โดยประเทศอินเดีย จีน บังกลาเทศ อัฟกานิสถาน และฟิลิปปินส์ ติดอันดับสิบประเทศต้นทางที่มีผู้อพยพออกมากที่สุดในโลก สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการกำหนดรูปแบบการเคลื่อนย้ายของผู้คนทั่วโลก ขณะเดียวกันจำนวนแรงงานข้ามชาติในเอเชียและแปซิฟิกอยู่ที่ 27.2 ล้านคน หรือร้อยละ 16 ของจำนวนแรงงานข้ามชาติทั่วโลก โดยคิดเป็นผู้หญิงร้อยละ 41 ของแรงงานข้ามชาติในภูมิภาค
เมื่อพิจารณาข้อมูลเชิงลึกมีข้อค้นพบที่น่าสนใจที่ปรากฏ เช่น
- การพลัดถิ่นจากความขัดแย้งพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 โดยมีผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่นทั่วภูมิภาค 18.11 ล้านคน เกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับจำนวนเมื่อสิบปีก่อน
- เอเชีย-แปซิฟิก ยังคงเป็นภูมิภาคที่ประสบภัยพิบัติมากที่สุดในโลก คิดเป็นร้อยละ 52 ของการพลัดถิ่นจากภัยพิบัติทั้งหมดทั่วโลก โดยปี 2567 เพียงปีเดียว ภูมิภาคนี้มีการพลัดถิ่นใหม่จากภัยพิบัติถึง 23.97 ล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้น ร้อยละ 88 เมื่อเทียบกับปี 2566
- มีความท้าทายด้านการคุ้มครองผู้อพยพ เนื่องจากพบว่าในปี 2567 มีผู้อพยพจากเอเชียและแปซิฟิกเสียชีวิตหรือสูญหายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,745 ราย เพิ่มขึ้น ร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับปี 2566
- ปัญหาการค้ามนุษย์เพื่อบังคับให้กระทำความผิดกฎหมาย ยังคงเป็นปัญหารุนแรง โดยคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งเมียนมา 62% และกัมพูชา 35% ยังคงเป็นพื้นที่สำคัญของการแสวงหาประโยชน์ ซึ่งร้อยละ 81 ของเหยื่อมาจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเอเชียใต้ 45% และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 33%
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าความขัดแย้ง วิกฤติสภาพภูมิอากาศ และการเคลื่อนย้ายประชากรถูกเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด รายงานจึงได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างระบบข้อมูล การประสานงานระดับภูมิภาค และกรอบนโยบายที่ครอบคลุม เพื่อรับมือความท้าทายด้านการย้ายโยกถิ่นฐาน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการคุ้มครองผู้อพยพ เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงสำคัญให้แก่รัฐบาล ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ปฏิบัติงานในการพัฒนาการย้ายถิ่นให้ปลอดภัย เป็นระเบียบ และมีมนุษยธรรม
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– SDG Updates | เมื่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศ-ภัยพิบัติ บังคับให้ผู้คนจำนวนมหาศาลต้อง ‘โยกย้ายถิ่นฐาน’ อะไรคือแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้?
– คนทั่วโลกถึง 216 ล้านคน อาจต้องย้ายถิ่นฐานภายในประเทศเพราะผลกระทบจาก Climate Change ภายในปี 2050
– สถิติใหม่ ชี้มีผู้พลัดถิ่นในประเทศสูงขึ้น เป็นประวัติการณ์ถึง 75.9 ล้านคนทั่วโลก เหตุจากความขัดแย้ง-ภัยพิบัติ
– ผู้ลี้ภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate refugees): ประเด็นใกล้ตัวที่โลกยังตระหนักถึงน้อยเกินไป
– ‘ทีมผู้ลี้ภัย’ ในโตเกียวโอลิมปิก 2020 สัญลักษณ์ของความหวังและการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังในเกมกีฬา
– SDG Updates | Climate Migration ไม่ว่าใครก็อาจต้อง ‘ย้ายบ้าน’ เมื่อภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ไม่มีที่อยู่
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG1 ขจัดความยากจน
– (1.5) ภายในปี พ.ศ. 2573 สร้างภูมิต้านทานให้กับผู้ที่ยากจนและอยู่ในสถานการณ์เปราะบาง รวมทั้งลดความเสี่ยงและความล่อแหลมต่อภาวะสภาพอากาศผันผวนรุนแรง การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม และภัยพิบัติ
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
– (10.7) อำนวยความสะดวกในการโยกย้ายถิ่นฐานและเคลื่อนย้ายของคนให้เป็นระเบียบ ปลอดภัย ปกติ และมีความรับผิดชอบ รวมถึงให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายด้านการอพยพที่มีการวางแผนและการจัดการที่ดี
#SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
– (11.5) ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับผลกระทบตลอดจนลดความสูญเสียโดยตรงทางเศรษฐกิจเทียบเคียงกับ GDP ของโลก ที่เกิดจากภัยพิบัติ
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
– (13.1) เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ
– (13.2) บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
– (13.b) ส่งเสริมกลไกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการวางแผนและการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิผลในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด และรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็ก โดยให้ความสำคัญต่อผู้หญิง เยาวชน ชุมชนท้องถิ่นและชุมชนชายขอบ
#SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรมและสถาบันเข้มแข็ง
– (16.2) ยุติการข่มเหง การแสวงหาประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง การค้ามนุษย์ และความรุนแรงและการทรมานทุกรูปแบบที่มีต่อเด็ก
– (16.3) ส่งเสริมหลักนิติธรรมทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ และสร้างหลักประกันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม
แหล่งที่มา:
– New IOM Data Report Highlights Record Mobility and Displacement in Asia-Pacific (IOM)
– Asia-Pacific Migration Data Report 2025 (IOM)








