เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (5 กันยายน 2568) หลังจากต่อสู้มาอย่างยาวนานของการผลักดันกฎหมาย “PRTR” ในที่สุดรัฐสภาได้รับหลักการร่างวาระแรกด้วยคะแนน 434 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 4 หลังจากมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLaw) มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และ กรีนพีซ ประเทศไทย (Greenpeace Thailand) ร่วมยื่นรายชื่อประชาชน 12,165 รายชื่อ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ…. (ร่าง พ.ร.บ. PRTR – Pollutant Release and Transfer Register) เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 5 กันยายน 2568 มีวาระพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ (ภาคประชาชน) และร่างพระราชบัญญัติการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งร่างกฎหมาย PRTR ที่พรรคการเมืองเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรพร้อมกัน โดยที่ประชุมได้ลงมติในวาระแรกเพื่อรับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาศึกษา ผลการลงมติปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมลงคะแนน 442 เสียง เห็นด้วย 434 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนน 4 เสียง ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้รับหลักการร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับ
ร่าง พ.ร.บ. PRTR เป็นร่างกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ก่อมลพิษต้องรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยหรือเคลื่อนย้ายมลพิษให้กับสาธารณชนได้รับทราบ เพื่อให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับชนิดและปริมาณของสารเคมีและมลพิษที่ถูกปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม ทั้งในอากาศ แหล่งน้ำ และพื้นดิน โดยครอบคลุมแหล่งกำเนิดมลพิษหลากหลายรูปแบบ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า เหมืองแร่ ยานพาหนะ รวมถึงการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร
ฐานข้อมูลดังกล่าวจะถูกเปิดเผยในรูปแบบ Open Data เพื่อให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน สามารถนำไปใช้ติดตามและประเมินสถานการณ์ของมลพิษสถานการณ์ปัญหาในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีมาตรฐานและประสิทธิภาพ เพื่อควบคุมและแก้ปัญหามลพิษ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 บนฐานของการใช้ข้อมูลเพื่อควบคุมการปล่อยฝุ่นพิษ PM2.5 จากทุกแหล่งกำเนิดอย่างครอบคลุม
ดังนั้น การรับหลักการร่างกฎหมาย PRTR ภาคประชาชน ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญและเป็นก้าวแรกสู่สิทธิในการอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย เพราะทุกเสียงของประชาชนทุกคนที่ร่วมเรียกร้องร่าง พ.ร.บ. PRTR จะช่วยให้คนไทยมีฐานข้อมูลมลพิษที่เข้าถึงได้ และสามารถจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างตรงจุด
เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ในฐานะตัวแทนภาคประชาสังคมผู้ผลักดันกฎหมาย PRTR ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ว่า “กฎหมายฉบับนี้ นับว่าเป็น win-win law ที่ทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์เพื่อรับมือและวางแผนการจัดการด้านมลพิษ ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล เป็นเครื่องมือส่งเสริมให้ประเทศจัดการมลพิษได้ เป็นประโยชน์ให้นักลงทุนในการลงทุนในภาคส่วนอื่น ๆ และยังเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับงานวิจัยในทุกภาคส่วน”
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงาน การระเบิดจากสารเคมี และการรั่วไหลของสารพิษจากภาคอุตสาหกรรมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการเข้าถึงและรับรู้ “ข้อมูลด้านมลพิษ” เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชน เพราะมลพิษไม่ได้ส่งผลเพียงต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ปัญหามลพิษยังส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยตรง ผ่านค่าใช้จ่ายมหาศาลด้านการรักษาพยาบาล การสูญเสียกำลังแรงงาน ความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร รวมถึง ภาระค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
– EnLaw จับมือภาคีเครือข่ายผลักดันกฎหมาย PRTR ชี้เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีและชีวิตที่ปลอดภัย รัฐและเอกชนต้องเปิดเผยข้อมูลการปล่อยสารมลพิษ
– ครบ 1 สัปดาห์ พบกากแคดเมียมกว่า 13,688 ตัน – ห่วงพิษเรื้อรังก่อมะเร็ง สังคมไทยต้องเร่งคลอดกฎหมาย PRTR
– การจัดการกับสารอันตรายและวิกฤติสิ่งแวดล้อม จะต้องใช้ข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
– SDG Updates | พ.ร.บ. อากาศสะอาด หลักประกันให้คนไทยกลับมาสูดอากาศที่ดีต่อลมหายใจ
– SDG Insights | (EP.1/2) ‘กิ่งแก้ว’ จะเป็นอย่างไร? ถ้าตอนนั้นประเทศไทยมีกฎหมาย PRTR : วิเคราะห์เจาะลึกร่างกฎหมายการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม 2 ฉบับ
– SDG Insights | (EP.2/2) กว่าจะเป็น “PRTR” – กฎหมายระดับโลกที่นายกรัฐมนตรีเคยปัดตกไป: วิเคราะห์เจาะลึกร่างกฎหมาย PRTR
ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
– (3.9) ลดจำนวนการตายและการเจ็บป่วยจากสารเคมีอันตรายและจากมลพิษและการปนเปื้อนทางอากาศ น้ำ และดิน ให้ลดลงอย่างมาก ภายในปี 2573
#SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
– (11.6) ลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมต่อหัวประชากรในเขตเมือง รวมถึงการให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการจัดการคุณภาพอากาศ การจัดการของเสียของเทศบาล และการจัดการของเสียอื่น ๆ ภายในปี 2573
#SDG12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
– (12.4) บรรลุการจัดการสารเคมีและของเสียทุกชนิดตลอดวงจรชีวิตของสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่ตกลงกันแล้ว และลดการปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกสู่อากาศ น้ำ และดินอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อจะลดผลกระทบทางลบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดภายในปี 2563
#SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรมและสถาบันเข้มแข็ง
– (16.6) พัฒนาสถาบันทุกระดับให้มีประสิทธิผล มีความรับผิดชอบ และโปร่งใส
– (16.7) สร้างหลักประกันว่าจะมีกระบวนการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ครอบคลุม มีส่วนร่วม และมีความเป็นตัวแทนที่ดี ในทุกระดับการตัดสินใจ
– (16.10) สร้างหลักประกันว่าสาธารณชนสามารถเขาถึงข้อมูลและมีการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน โดยเป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ
แหล่งที่มา:
– สภาลงมติเอกฉันท์รับร่างกฎหมาย PRTR (มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม – EnLAW)
– ข้อมูลยังลับในวันที่มลพิษยังล้น : เปิดข้อมูลสารอันตรายสู่สายตาประชาชนด้วย PRTR (the101.world)
– สภาฯ รับหลักการ ‘ร่าง กม.PRTR’ (The Active)
– สภา ฯ ลงมติเอกฉันท์ รับหลักการร่างกฎหมาย PRTR ยกระดับสิทธิคนไทยได้อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย (Greenpeace Thailand)