หลายเมืองใหญ่ในยุโรปเริ่มลดเพดานการใช้ความเร็วบนท้องถนนลงเพื่อลดอุบัติเหตุและลดการปล่อยมลพิษ

หลายเมืองใหญ่ในยุโรปลดเพดานการใช้ความเร็วของยานพาหนะบนถนนในเมืองเกือบทุกสายลงไปจนเหลือเพียง 30 กม./ชม. ซึ่งต่ำกว่าการจำกัดความเร็วของการใช้รถในเขตเมืองทั่วไปที่ 50 กม./ชม. โดยเป็นความพยายามทั่วภูมิภาคเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของคนเดินเท้าในเมืองและการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม

การจำกัดความเร็วที่เข้มงวดมากขึ้นนี้ถูกบังคับใช้แล้วในหลายเมือง ทั้งในเมืองบิลเบา (Bilbao) ประเทศสเปน ตั้งแต่เมื่อปี 2018 กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมืองเกรอน็อบล์ (Grenoble) ลีลล์ (Lille) และกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2021 นี้ และไม่นานมานี้ หน่วยงานรัฐในเมืองกลาสโกล์ ประเทศสก็อตแลนต์ ได้มีแผนงานความปลอดภัยทางถนน ที่มีข้อเสนอการจำกัดความเร็วการขับขี่บนท้องถนนไว้ที่ 30 กม./ชม. เช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วยุโรปนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนออกแบบพัฒนาเมืองสำหรับการเคลื่อนย้ายเดินทางแบบมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง กล่าวคือ ทุกคนจะต้องสามารถเดินทางในเมืองได้สะดวกไม่ว่าจะโดยพาหนะหรือเดินเท้า การลดความเร็วสูงสุดของการใช้รถบนถนนจึงเป็นวิธีการที่จะทำให้คนเดินถนนสามารถสัญจรในเมืองได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สหภาพยุโรปเองมีการกำหนดเป้าหมายความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างเป็นทางการ ในชื่อ “Vision Zero” ที่ระบุว่า ทุกประเทศสมาชิกต้องมีผู้เสียชีวิตจากการจราจรเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2050

งานวิจัยโดย AAA Foundation for Traffic Safety ที่วิเคราะห์ข้อมูลการจราจรในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาสี่ปี พบว่า คนเดินถนนที่ถูกรถชนที่วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 25 กม./ชม.มีโอกาสบาดเจ็บสาหัสเพียง 10% แต่หากรถที่ชนใช้ความเร็วถึง 50 กม./ชม. ความเสี่ยงบาดเจ็บสาหัสจะเพิ่มขึ้นเป็น 50 %

ในขณะที่ การลดเพดานความเร็วสูงสุดของการจราจรในเมืองโทรอนโท ประเทศแคนาดา จาก 40 กม./ชม. ลงเป็น 30 กม./ชม. ลดการชนกันระหว่างรถยนต์และคนเดินเท้าลงได้ถึง 28% เป็นไปในทางเดียวกันกับที่งสานวกลาสโกว์ หลังจากการกำหนดเขตใช้ความเร็วต่ำ (ไม่เกิน 20 กม./ชม.) ตั้งแต่ปี 2016 ส่งผลให้อุบัติเหตุระหว่างรถยนต์และคนลดลงถึง 31%

การบังคับใช้ข้อกำหนดการจำกัดความเร็วในเเขตเมืองทำให้คนเลือกใช้บริการรถสาธารณะ การปั่นจักรยาน หรือการเดินเท้ามากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยมลพิษที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของรถยนต์โดยรวมในเมืองลงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม การควบคุมความเร็วไม่ใช่วิธีการสร้างถนนปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพวิธีการเดียว การออกแบบถนนไม่ให้มีหลายเลนจนเกินไป ช่วยทำให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วลงได้ นอกจากนั้น วิธีการอื่น ๆ เช่น การออกแบบถนนเพื่อการใช้งานหลาย ๆ ประเภท การกำหนดเขตปลอดรถยนต์บริเวณรอบโรงเรียน ก็สามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุทางการจราจรได้

ประเด็นดังกล่าว เกี่ยวข้องกับ
#SDG3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
- (3.6) ลดจำนวนการตายและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจากการจราจรทางถนนทั่วโลกลงครึ่งหนึ่ง ภายในปี 2563
#SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน
- (11.2) ภายในปี 2573 จัดให้ทุกคนเข้าถึงระบบคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน เข้าถึงได้ ปลอดภัย ในราคาที่สามารถจ่ายได้ พัฒนาความปลอดภัยทางถนน โดยการขยายการขนส่งสาธารณะ โดยคำนึงถึงกลุ่มคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบาง ผู้หญิง เด็ก ผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย และผู้สูงอายุ เป็นพิเศษ
- (11.6) ลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมต่อหัวประชากรในเขตเมือง รวมถึงการให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการจัดการคุณภาพอากาศ การจัดการของเสียของเทศบาล และการจัดการของเสียอื่นๆ ภายในปี 2573

ที่มา : Has the speed limit been reduced in your city? Here’s why (WEForum)

Last Updated on กันยายน 16, 2021

Author

  • Natetida Bunnag

    Social Media Manager - ตัวแทน 'คนธรรมดา' ในชุมชนนักวิชาการ อ่าน แปล และสื่อสารเรื่องความยั่งยืน

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น