WHO เเนะแนวทางควบคุมการตลาดโฆษณาอาหารไขมัน ด้านกรมอนามัยไทยเดินหน้าผลักดัน พ.ร.บ. ควบคุมการตลาดอาหารที่กระทบสุขภาพเด็ก

วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 องค์การอนามัยโลกเผยแพร่คู่มือแนะนำ (guidance) ชื่อ ‘Policies to protect children from the harmful impact of food marketing: WHO guideline’  เพื่อเป็นแนวทางแก่ประเทศสมาชิกในการออกแบบและกำหนดนโยบายเพื่อปกป้องเด็กจากผลกระทบที่เป็นอันตรายของการตลาดอาหาร (food marketing) เนื่องจากปัจจุบันเด็กต้องเผชิญกับแรงดึงดูดจากการตลาดที่ส่งเสริมให้บริโภคอาหารประเภทที่มีไขมันอิ่มตัวสูง กรดไขมันทรานส์ และโซเดียม คู่มือแนะนำข้างต้นวางอยู่บนพื้นฐานของการทบทวนข้อมูลอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับนโยบายควบคุมการตลาดอาหาร รวมถึงปัจจัยเเวดล้อม (contextual factors)

คำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการกำหนดนโยบายเพื่อควบคุมการตลาดของอาหารไขมันสูงที่ปรากฏในรายงาน เช่น

  • จัดทำข้อบังคับสำหรับควบคุมการตลาดอาหาร
  • นโยบายต้องออกแบบให้ปกป้องเด็กทุกวัย
  • ใช้โมเดลการจำแนกอาหาร เพื่อจัดประเภทอาหารที่จะห้ามไม่ให้ทำการตลาด
  • จำกัดอำนาจการทำการตลาดอาหารที่มีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวใจ

ขณะที่ Dr. Francesco Branca ผู้อำนวยการแผนกโภชนาการเพื่อสุขภาพและการพัฒนาขององค์การอนามัยโลก (UN health agency’s Department of Nutrition and Food Safety) ระบุว่าการตลาดเชิงรุก (aggressive marketing) และการแพร่หลายของอาหารและเครื่องดื่มที่มีไขมัน น้ำตาล และเกลือสูงต่อเด็ก เป็นภาระต่อการเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ สร้างกฎควบคุมที่เข้มแข็งและครอบคลุมมากขึ้น

สำหรับประเทศไทย ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองต่อประเด็นนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกรมอนามัย เปิดเวทีประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นสาธารณะผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี  นับเป็นครั้งแรกที่มีความพยายามใช้กฎหมายควบคุมการตลาดส่งเสริมการขาย การโฆษณาอาหารที่หวาน มัน เค็ม เกินค่ามาตรฐาน ป้องกันโรคติดต่อไม่เรื้อรัง หลังพบว่าเด็กไทยอ้วนเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน 

ร่าง พ.ร.บ. ข้างต้น มี 4 หมวด 42 มาตรา สาระสำคัญ เช่น

  • หมวด 2  การควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก โดยให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กดำเนินการ อาทิ  ฉลากต้องไม่ใช้ข้อความ หรือเทคนิคอื่นใดที่ดึงดูดให้กลุ่มเด็กสนใจ และต้องแสดงข้อความหรือสัญลักษณ์ในฉลากตามหลักเกณฑ์
  • หมวด 3  พนักงานเจ้าหน้าที่ (มาตรา 25-28) มีอำนาจหน้าที่เข้าไปในสถานที่ในกรณีมีเหตุอันควร  สงสัยว่ามีการกระทำความผิด เพื่อตรวจสอบ และสามารถยึดหรืออายัดเอกสาร สื่อโฆษณา หรือสิ่งอื่นใดที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.นี้
  • หมวด 4 บทกำหนดโทษ (มาตรา 29-39) ตามประมวลกฎหมายอาญา แต่ไม่มีโทษจำคุก มีเพียงการกำหนดโทษปรับ โดยหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่เกิน 10,000 บาท และระวางโทษปรับเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรการควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก ระหว่าง100,000 ถึง300,000 บาท

● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
องค์การอนามัยโลกระบุ 43 ประเทศ ดำเนินนโยบายแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการกำจัดไขมันทรานส์ แต่อีกกว่า 5 พันล้านคนทั่วโลกยังไม่ได้รับการป้องกัน
– โรคหัวใจและหลอดเลือด: โรคไม่ติดต่อที่การตายมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกอยู่ใน ‘เอเชีย’
– WHO/ILO เตือน คนทำงานเกิน 55 ชม./สัปดาห์ เสี่ยงตายจากโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจขาดเลือด
– การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และใช้สารเสพติด เกี่ยวข้องกับ ‘โรคหัวใจก่อนวัยอันควร’ ของกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวในสหรัฐฯ
– 4 องค์การด้านสุขภาพเรียกร้องให้ลด “มลพิษทางอากาศ” ชี้เป็นหนึ่งตัวการโรคหัวใจและหลอดเลือด และความเสี่ยงต่อโควิด-19
– ไทยเป็น 1 ใน 40 ประเทศในโลกที่มีแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด เพื่อกำจัด ‘ไขมันทรานส์’ ด้วยการห้ามผลิต-นำเข้า-จำหน่าย

ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
– (3.2) ยุติการตายที่ป้องกันได้ของทารกแรกเกิดและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยทุกประเทศมุ่งลดอัตราการตายในทารกลงให้ต่ำถึง 12 คน ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน และลดอัตราการตายในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ลงให้ต่ำถึง 25 คน ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2573
– (3.4) ลดการตายก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อให้ลดลงหนึ่งในสาม ผ่านทางการป้องกันและการรักษาโรค และสนับสนุนสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ภายในปี พ.ศ. 2573
– (3.d) เสริมขีดความสามารถของทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา ในด้านการแจ้งเตือนล่วงหน้า การลดความเสี่ยง และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
– (17.14) ยกระดับความสอดคล้องเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

แหล่งที่มา
New guidance to protect children from ‘aggressive’ food marketing (UN News)
ลุ้นคลอด! ร่างพ.ร.บ.ควบคุมการตลาดอาหารฯในเด็ก ครั้งแรกของไทย คุมทั้งออนไลน์ ทีวี อินฟลูเอนเซอร์ (Hfocus)

ผลงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ภายใต้โครงการเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสุขภาพของประเทศไทย

Author

  • Atirut Duereh

    Knowledge Communication | สนใจประเด็นสันติภาพ ความมั่นคงมนุษย์ เเละสิ่งเเวดล้อมทางทะเล ใช้ชีวิตโดยเชื่อในสมดุลมากกว่าความสมบูรณ์เเบบ

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น