SDG Updates | บทสรุป SDG Index 2025 – ครบ 1 ทศวรรษ โลกยังไม่บรรลุ SDGs ใด พบไทยมี 6 เป้าหมายตกอยู่ในสถานะท้าทายมาก


เผยแพร่อย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Sustainable Development Report: SDR) และ SDG Index  2025 (2568)  จัดทำโดย Sustainable Development Solutions Network (SDSN) หรือเครือข่ายนักวิชาการทำงานเพื่อสนับสนุนการบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ทำงานใกล้ชิดกับองค์การสหประชาชาติ จัดทำรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อติดตามสถานการณ์การขับเคลื่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในภาพรวมระดับโลก รวมถึงสถานการณ์แต่ละประเทศมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ทั้งยังเป็นรายงานฉบับเดียวที่มีการจัดอันดับความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนของทุกประเทศมาตั้งแต่ปี 2558

สำหรับปีนี้ รายงานเผยแพร่ในธีม “A Decade After Their Adoption at the UN, the World Remains Highly Committed to the Sustainable Development Goals” หรือ “หนึ่งทศวรรษหลังรับรองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โลกยังคงมุ่งมั่นอย่างเเน่วเเน่เพื่อบรรลุ” เนื้อหาประกอบด้วยข้อค้นพบจากสถานการณ์ความก้าวหน้าและความถดถอยของการดำเนินงานขับเคลื่อน SDGs ทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค ไปจนถึงบทสังเคราะห์ และข้อเสนอแนะจากคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อการแก้ปัญหาความท้าทายต่าง ๆ ที่เหนี่ยวรั้งความมุ่งมั่นและความพยายามของทุกภาคส่วนเพื่อการบรรลุ SDGs ให้ทัน ภายในปี 2573

SDG Updates ฉบับนี้จะฉายให้เห็นภาพรวมสถานการณ์ระดับโลก อาเซียน และไฮไลต์สถานการณ์ของประเทศไทยในปีนี้พร้อมเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงบางส่วนที่สำคัญกับปีที่ผ่านมา


00 – ข้อควรทราบก่อนอ่านรายงาน 

  • Sustainable Development Report และ SDG Index ไม่ใช่รายงานที่จัดทำและประเมินโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) แต่จัดทำโดย Sustainable Development Solutions Network (SDSN) 
  • รายงานฉบับนี้ไม่ได้ใช้ข้อมูลตามตัวชี้วัด SDGs ที่ UN ประกาศทั้งหมด เนื่องจากข้อจำกัดของข้อมูลทำให้แต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ข้อมูลหลายตัวชี้วัดไม่สามารถจัดเก็บและประมวลผลด้วยความถี่ต่อเนื่องทุกปี ทำให้บางตัวชี้วัดใช้ข้อมูลจากองค์การระหว่างประเทศที่มีความน่าเชื่อถือสูงมาทดแทน เช่น ธนาคารโลก (World Bank) OECD และองค์การอนามัยโลก (WHO)  นอกจากนี้อาจมีการใช้แหล่งข้อมูลอื่นที่น่าเชื่อถือ เช่น การสำรวจระดับครัวเรือน (เช่น Gallup World Poll) ข้อมูลจากองค์กรภาคประชาสังคมและเครือข่าย (เช่น Oxfam, Tax Justice Network, World Justice Project, Reporters without Borders) มาร่วมในการประมวลผลด้วย [ทำความเข้าใจ Methodology ในการประเมิน SDG Index เพิ่มเติมได้ที่นี่]
  • รายงานปี 2568 นี้ ใช้ข้อมูลตัวชี้วัดระดับโลกจำนวน 102 ตัวชี้วัด และ 24 ตัวชี้วัดเพิ่มเติมสำหรับประเทศสมาชิก OECD โดยเฉพาะ โดย 2 ใน 3 ได้ข้อมูลมาจากองค์การระหว่างประเทศ เช่น  ธนาคารโลก องค์กรอนามัยโลก และอีก 1 ใน 3 มาจากข้อมูลของศูนย์วิจัย มหาวิทยาลัย และองค์กรพัฒนาเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือสูง
  • รายงานปี 2568 มีการเพิ่มตัวชี้วัดเรื่อง ‘ความหลากหลายทางโภชนาการในเด็กอายุ 6 – 23 เดือน’ เข้ามาใน SDG2 ยุติความหิวโหย และเรื่อง ‘คำขอจดสิทธิบัตร’ เข้ามาใน SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม เเละนวัตกรรม  ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก 
  • การประเมินของรายงานฉบับนี้พยายามฉายให้เห็นสถานการณ์ภาพรวมและพยายามทำให้ข้อมูลอยู่ในสถานะที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เพื่อพิจารณาความก้าวหน้าถดถอยของทั่วโลก และรายพื้นที่ ข้อมูลหรือเกณฑ์ตัวชี้วัดที่ถูกออกแบบมานั้นจึงเป็นเกณฑ์ที่มุ่งสะท้อนสถานการณ์ภาพรวมทั่วโลก ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ผลการประเมินในบางประเด็นอาจมีความแตกต่างกับข้อมูลสถานการณ์ในบริบทของประเทศ การทำความเข้าใจผลการประเมินจึงควรพิจารณาลงไปในระดับตัวชี้วัดและข้อมูลที่ใช้ด้วย

01 – สถานการณ์ภาพรวม SDGs ในระดับโลก

ภาพรวมการบรรลุ SDGs ระดับโลกในปีนี้ เมื่อพิจารณาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 ซึ่งเป็นปีแรกที่นานาประเทศรับรองและนำ SDGs ไปขับเคลื่อนปรับใช้ ผ่านมาจนถึงตอนนี้คาดว่าจะยังไม่มีเป้าหมายใดที่จะบรรลุได้ทันในปี ค.ศ. 2030 โดยเฉพาะ 6 เป้าหมายที่อยู่ในสถานะท้าทายมาก (สถานะสีแดง) กำลังออกนอกลู่ทางที่จะบรรลุได้อย่างน่ากังวล และแสดงให้ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้นมีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเลย โดยเป้าหมายเหล่านี้ ได้แก่ SDG2 ยุติความหิวโหย SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน SDG14 ทรัพยากรทางทะเล SDG15 ระบบนิเวศบนบก และ SDG16 สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง 

ส่วนอีก 11 เป้าหมายกระจุกอยู่ที่สถานะท้าทาย (สถานะสีส้ม) โดยในจำนวนดังกล่าวมี 3 เป้าหมายที่มีแนวโน้มค่อนข้างก้าวหน้า ได้แก่ SDG5 ความเท่าเทียมทางเพศ SDG7 พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ และ SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นทิศทางที่เหมือนกับปีที่ผ่านมา  

นอกจากนี้ ยังพบว่าเป้าหมายย่อย (targets) ที่อยู่บนเส้นทางที่สามารถบรรลุได้ทั่วโลกมีเพียง 16.7% เท่านั้น โดย 5 เป้าหมายย่อยที่สามารถจะบรรลุได้มากที่สุด ได้แก่ การใช้โทรศัพท์มือถือ (SDG9) การเข้าถึงไฟฟ้า (SDG7) การใช้และเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (SDG9) อัตราการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ (SDG3) และอัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิด (SDG3) ในทางตรงกันข้ามประเทศส่วนใหญ่ มีความถอดถอยหรือไม่ก้าวหน้าใน 5 เป้าหมายย่อย ดังนี้ อัตราโรคอ้วน (SDG2) ดัชนีเสรีภาพสื่อ (SDG16) ดัชนีการจัดการไนโตรเจนอย่างยั่งยืน (SDG2) ดัชนีบัญชีแดง (SDG15) และดัชนีการรับรู้การทุจริต (SDG16)

ภาพรวมสถานการณ์ SDGs ระดับโลก อย่างรวบรัดที่ปรากฏในจดหมายข่าว (press release) พบว่ามีประเด็นที่สำคัญ 5 ประเด็น ได้แก่ 

  • ความมุ่งมั่นเพื่อบรรลุ SDGs ทั่วโลกอยู่ในระดับสูง โดยจนถึงปัจจุบัน มี 190 จาก 193 ประเทศสมาชิกสหประชาชาติแล้วที่เข้าร่วมกระบวนการ ‘รายงานผลการทบทวนการดำเนินงานตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ระดับชาติโดยสมัครใจ’ (Voluntary National Review: VNR) เพื่อเสนอแผนและลำดับความสำคัญด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับชาติของตนเอง และพบว่าประเทศโดยส่วนใหญ่มักเข้าร่วมมาแล้วอย่างน้อยสองครั้ง อย่างไรก็ดี มี 3 ประเทศเท่านั้นที่ยังไม่เคยเข้าร่วมสักครั้งเดียว ได้แก่ เฮติ เมียนมา และสหรัฐอเมริกา ส่วนปีนี้มีประเทศที่จะเข้าร่วมนำเสนอ VNRs มีทั้งสิ้น 39 ประเทศ
  • ประเทศในกลุ่มยุโรปยังคงเป็นผู้นำใน SDG Index ขณะที่ประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้มีความก้าวหน้ามากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ โดยพบว่าแม้ประเทศกลุ่มนอร์ดิก โดยเฉพาะฟินแลนด์ สวีเดน และเดนมาร์ก จะเผชิญความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายหลายเป้าหมาย แต่ยังคงยึดตำแหน่งในกลุ่ม Top 5 ได้อีกปี ขณะที่หากพิจารณาจากปี 2558 จนถึงปีนี้ พบว่าประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและน่าจับตา ได้แก่ เนปาล (+11.1 คะแนน) กัมพูชา (+10 คะแนน) ฟิลิปปินส์ (+8.6 คะแนน) บังคลาเทศ (+8.3 คะแนน) และ มองโกเลีย (+7.7 คะแนน) นอกจากนี้ยังมีประเทศจากภูมิภาคอื่น ๆ ที่มีความก้าวหน้าอย่างน่าสนใจ เช่น เบนิน (+14.5 คะแนน) เปรู (+8.7 คะแนน) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (+9.9 คะแนน)  อุซเบกิสถาน (+12.1 คะแนน) คอสตาริกา (+7 คะแนน) และซาอุดีอาระเบีย (+8.1 คะแนน)  ส่วนจีนและอินเดีย ขยับขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม Top 50 และ Top 100 ได้ตามลำดับ
  • ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อน SDGs หยุดชะงัก โดยยังไม่มีเป้าหมาย SDGs ใดที่อยู่ในเส้นทางที่จะบรรลุได้ภายในปี 2573 และพบว่ามีเพียง 17% ของเป้าหมายย่อยเท่านั้นที่ยังอยู่ในเส้นทางที่จะบรรลุได้ ซึ่งมีปัจจัยขัดขวางหลักคือความขัดแย้ง ความเปราะบางเชิงโครงสร้าง และข้อจำกัดทางการเงินโดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนา (Emerging markets and developing economies: EMDE)  
  • ดัชนีประเทศที่สนับสนุนการทำงานพหุภาคีตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ (UN-based multilateralism: UN-Mi) ปี 2568 ซึ่งพิจารณาจากการมีส่วนร่วมกับระบบขององค์การสหประชาชาติ  ชี้ว่าบาร์เบโดสยังคงเป็นผู้นำในความมุ่งมั่นมากที่สุด ขณะที่สหรัฐอเมริกาถูกจัดอยู่อันดับที่ 193 ซึ่งเป็นอันดับท้ายสุดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีสาเหตุสำคัญจากการถอนตัวจากข้อตกลงปารีสและการแสดงออกอย่างเป็นทางการถึงการไม่สนับสนุน SDGs และวาระการพัฒนา 2030 ด้านประเทศอื่น ๆ ที่น่าสนใจในการจัดอันดับครั้งนี้ เช่น จาไมกา (อันดับที่ 2) ตรินิแดดและโตเบโก (อันดับที่ 3) บราซิล (อันดับที่ 24 ของโลก และอันดับที่ 1 ในกลุ่มประเทศ G20) และ ชิลี (อันดับที่ 7 ของโลก และอันดับที่ 1 ในกลุ่มประเทศ OECD)
  • จำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบการเงินระหว่างประเทศ (Global Financial Architecture: GFA) อย่างเร่งด่วนเพื่อสนับสนุน SDGs โดยปัจจุบันประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของโลกอาศัยในประเทศที่ไม่สามารถลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างเพียงพอเนื่องจากหนี้ที่ไม่ยั่งยืนและการเข้าถึงทุนในระยะยาวที่มีข้อจำกัด แม้ว่าการลงทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนา จะให้ผลตอบแทนสูง แต่ปัจจุบันสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (The Government Financial Institutions Association : GFA) ยังคงทุ่มทุนแค่เฉพาะกลุ่มประเทศรายได้สูงมากกว่า เช่นนั้นเองการประชุม Ff4D ครั้งที่ 4 ที่กำลังจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2568 จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับประเทศสมาชิก UN ในการปฏิรูประบบนี้ เพื่อให้เงินทุนระหว่างประเทศไหลเวียนอย่างเพียงพอไปยังประเทศตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนาในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ส่วนการจัดอันดับ SDG Index ระดับโลก ปีนี้มีประเทศที่ถูกจัดอันดับทั้งสิ้น 167 ประเทศ เท่ากับปีที่แล้ว (2567)  โดยประเทศที่ติด Top 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ฟินแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก เยอรมนี และฝรั่งเศส ตามลำดับ ขณะที่ประเทศที่ถูกจัดอยู่ใน 5 อันดับสุดท้าย ประกอบด้วย เยเมน (อันดับ 163) โซมาเลีย (อันดับ 164) ชาร์ด (อันดับ 165) สาธารณรัฐแอฟริกากลาง (อันดับ 166) และซูดานใต้ (อันดับ 167) ซึ่งครองอันดับเดิมจากปีที่แล้ว

เมื่อพิจารณาสถานการณ์ตามกลุ่มประเทศ ได้แก่ ประเทศรายได้สูง ประเทศรายได้ปานกลางระดับบน ประเทศรายได้ปานกลางระดับล่าง และ ประเทศรายได้ต่ำ พบว่าทุกกลุ่มมีเป้าหมายที่ยังคงอยู่ในสถานะท้าทายมาก (สีแดง) ร่วมกันทั้งสิ้น 2 เป้าหมาย ได้แก่ SDG14 ทรัพยากรทางทะเล และ SDG15 ระบบนิเวศบนบก ขณะที่เป้าหมายที่อยู่ในสถานะท้าทาย (สีส้ม) ร่วมกันมีเพียง 1 เป้าหมาย คือ SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ 

กลุ่มประเทศรายได้สูงเป็นกลุ่มที่มีเป้าหมายอยู่ในสถานะบรรลุได้แล้ว (สีเขียว) มากที่สุด คือ 3 เป้าหมาย ได้แก่ SDG1 ยุติความยากจน SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ และ SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม เเละนวัตกรรม ตามมาด้วยกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ ที่สามารถบรรลุได้แล้ว 2 เป้าหมาย ได้แก่ SDG12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และ SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางระดับล่าง มีเป้าหมายที่อยู่ในสถานะบรรลุได้แล้ว 1 เป้าหมาย คือ SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบน แม้มีเป้าหมายที่อยู่ในสถานะท้าทายมาก (สีแดง) น้อยที่สุด แต่ก็ยังไม่มีสักเป้าหมายเดียวที่ก้าวหน้ามาอยู่ในสถานะบรรลุ (สีเขียว) ได้ 

นอกจากนี้ หากพิจารณาถึงระดับความวิกฤติลงไปในรายภูมิภาคพบว่า ภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารามีเป้าหมายที่อยู่ในสถานะท้าท้ายมาก (สีแดง) มากที่สุดถึง 14 เป้าหมาย มีเพียง SDG12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และ SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้นที่อยู่ในสถานะบรรลุ (สีเขียว) และสถานะท้าทายบางส่วน (สีเหลือง) ตามลำดับ ขณะที่ภูมิภาคที่มีเป้าหมายอยู่ในสถานะท้าทายมาก (สีแดง) น้อยที่สุด มีทั้งสิ้น 3 ภูมิภาค/กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มประเทศ BRICS กลุ่มยุโรปตะวันออกและเอเชียกลาง และกลุ่มละตินอเมริกาและแคริบเบียน โดยทั้งหมดมีเป้าหมายที่อยู่ในสถานะท้าทายมาก (สีแดง) เพียง 4 เป้าหมายเท่านั้น


02 – สถานการณ์ของอาเซียน

สถานการณ์การขับเคลื่อน SDGs ของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน มีความใกล้เคียงกันกับปีที่แล้ว โดยหากเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน พบว่าประเทศไทยยังครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน (2562 – 2568) ตามมาด้วย เวียดนาม (อันดับ 61) สิงคโปร์ (อันดับ 69) อินโดนีเซีย (อันดับ 77)  มาเลเซีย (อันดับ 84)  ฟิลิปปินส์ (อันดับ 87) บรูไนดารุซซาลาม (อันดับ 92) กัมพูชา (อันดับ 101) เมียนมา (อันดับ 116) และลาว (อันดับ 121) ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2567 พบว่ามีเพียง 5 ประเทศเท่านั้นที่มีอันดับก้าวหน้าขึ้น คือ ไทย ฟิลิปปินส์ บรูไนดารุซซาลาม กัมพูชา และเมียนมา ขณะที่อีก 5 ประเทศมีอันดับถดถอยลง ได้แก่ เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และลาว 

อาเซียนมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ไทย บรูไนดารุซซาลาม เมียนมา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

เมื่อพิจารณาสถานะของทั้ง 17 เป้าหมาย SDGs จะเห็นว่าเป้าหมาย SDGs ที่มีความท้าทายมาก (สีแดง) ร่วมกันเกินครึ่งหนึ่ง (เกิน 5 ประเทศ) คือเป้าหมายดังต่อไปนี้

  • SDG15 ระบบนิเวศบนบก – เป็นเป้าหมายที่ทุกประเทศในอาเซียน มีสถานะท้าทายมากร่วมกัน เช่นเดียวกับปี 2567
  • SDG14 ทรัพยากรทางทะเล – มีสถานะท้าทายมาก ร่วมกันใน 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมา บรูไนดารุซซาลาม กัมพูชา และมาเลเซีย ส่วนลาว นั้นไม่มีพื้นที่ติดทะเล
  • SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี – มีสถานะท้าทายมาก ร่วมกันใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา และลาว
  • SDG2  ยุติความหิวโหย – มีสถานะท้าทายมาก ร่วมกันใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไนดารุซซาลาม เมียนมา และลาว
  • SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม – มีสถานะท้าทายมาก ร่วมกันใน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไนดารุซซาลาม กัมพูชา เมียนมา และลาว
  • SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน – มีสถานะท้าทายมาก ร่วมกันใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมา และลาว
  • SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง – มีสถานะท้าทายมาก ร่วมกันใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเมียนมา โดยอินโดนีเซีย ขยับจากสถานะท้าทาย จากปีก่อนมาอยู่ในสถานะท้าทายมาก เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าในปีนี้ ส่วน ลาว ยังคงไม่มีข้อมูล
  • SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน – มีสถานะท้าทายมาก ร่วมกันใน 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย กัมพูชา เมียนมา และลาว โดยลาว ได้ร่วมรายงานข้อมูลในปีนี้

| 3 ประเทศสมาชิกที่มีสถานะน่าห่วงกังวล

ประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่มีเป้าหมายที่อยู่ในสถานะท้าทายมาก ราว 3 – 6 เป้าหมาย ทว่ามี 3 ประเทศที่มีเป้าหมาย SDGs อยู่ในสถานะท้าทายมากเกินครึ่งหนึ่ง หรือตั้งแต่ 8 เป้าหมาย ได้แก่

  • เมียนมา จำนวน 12 เป้าหมาย ได้แก่  SDG2  ยุติความหิวโหย SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ  SDG6 น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล SDG7 พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้  SDG8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน SDG14 ทรัพยากรทางทะเล SDG15 ระบบนิเวศบนบก  และ SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรมและสถาบันเข้มแข็ง และ SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  
  • กัมพูชา จำนวน 10 เป้าหมาย ได้แก่ SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ SDG5 ความเท่าเทียมทางเพศ SDG6 น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล SDG8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม SDG14 ทรัพยากรทางทะเล SDG15 ระบบนิเวศบนบก  SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรมและสถาบันเข้มแข็ง และ SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  ส่วน SDG7 พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ ขยับจากสถานะท้าทายมากจากปีก่อนมาอยู่ในสถานะท้าทายในปีนี้
  • อินโดนีเซีย จำนวน 8 เป้าหมาย ได้แก่  SDG2  ยุติความหิวโหย SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน SDG14 ทรัพยากรทางทะเล SDG15 ระบบนิเวศบนบก SDG16 ความสงบสุข ยุติธรรมและสถาบันเข้มแข็ง และ SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

สำหรับปีนี้ ประเทศอินโดนีเซีย กลายเป็นอีกหนึ่งในประเทศที่มีเป้าหมาย SDGs อยู่ในสถานะท้าทายมากเกินครึ่งหนึ่ง หรือตั้งแต่ 8 เป้าหมาย เทียบจากปีก่อนที่มีเพียง 5 เป้าหมาย โดยปีนี้มี SDG9 SDG16 และ SDG17 ตกอยู่ในสถานะท้าทายมากเพิ่มเข้ามา


03 – สถานการณ์ SDGs ของประเทศไทย

อันดับและคะแนนดัชนีของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2016 (2559) ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยปี 2016 ซึ่งเป็นปีแรกที่ SDR เริ่มประเมินสถานการณ์ของประเทศไทยนั้นอยู่ในอันดับที่ 61 คะแนนดัชนีอยู่ที่ 62.6 คะแนน จากนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนปี 2019 (2562) อันดับและคะแนนของประเทศไทยพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดอยู่ที่อันดับที่ 40 คะแนนดัชนีอยู่ที่ 73 คะแนน สำหรับรายงานปี 2025 (2568) นี้ อันดับ SDG Index ของไทย อยู่ในอันดับที่ 43 ของโลก จากประเทศที่ถูกจัดอันดับทั้งสิ้น 167 ประเทศ มีคะแนนดัชนีอยู่ที่ 75.3 คะแนน เทียบกับปีก่อนหน้า ขยับอันดับขึ้นมา 2 อันดับจากปี 2567 ซึ่งอยู่ที่อันดับ 45 ขณะเดียวกันคะแนนรวมก็ขยับขึ้น มากกว่าปี 2567 ถึง 0.6 คะแนน ถือว่าสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ ซึ่งอยู่ที่ 69.5 คะแนน  แต่เมื่อเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ ประเทศไทยรั้งอันดับที่ 3 เป็นรองจากญี่ปุ่น (อันดับ 19) และเกาหลีใต้ (อันดับ 34) เท่านั้น แต่ระดับอาเซียนไทยยังครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน (2562 – 2568)

| 2 เป้าหมาย SDGs ที่มีสถานะบรรลุเป้าหมายแล้วยังคงเดิม 

ในปีนี้มี 2 เป้าหมาย SDGs ที่มีสถานะบรรลุเป้าหมายแล้ว (สีเขียว) คือ SDG1  ยุติความยากจน และ SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ ยังคงอยู่ในสถานะบรรลุเป้าหมายแล้วเดิมจากปี 2567 อย่างไรก็ดีค่าสีสถานะที่ปรากฏตามรายงานฉบับนี้พิจารณาจาก 2 ตัวชี้วัดที่มี ‘สถานะแย่ที่สุด’ ในเป้าหมายนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของทุกประเทศทั่วโลกจึงจำเป็นต้องพิจารณาถึงรายละเอียดข้อมูลในระดับตัวชี้วัดเพิ่มเติม  

สำหรับผลการบรรลุ SDG1  ยุติความยากจนนั้นมีเป้าหมายคือการประเมินของรายงานฉบับนี้ใช้ข้อมูลตัวชี้วัด 2 ตัว คือ  (1) อัตราส่วนของประชากรที่มีรายได้ต่อวันน้อยกว่า $2.15 (ประมาณ 76 บาท) ซึ่งเป็นรายได้ขั้นต่ำตามเกณฑ์ของธนาคารโลกในปี 2017 (2560) (2) อัตราส่วนของประชากรที่มีรายได้ต่อวันน้อยกว่า $3.65 (ประมาณ 129 บาท) ทำให้ประเทศไทยบรรลุสถานะดังกล่าว ซึ่งตามรายงานสถานการณ์ความยากจนความเหลื่อมล้ำปี 2566 ที่จัดทำโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ฉบับล่าสุด ระบุว่าเส้นความยากจนของประเทศปี 2566 อยู่ที่ 3,043 บาท เพิ่มขึ้น 46 บาท จากปี 2565 และจากการประมวลสถานการณ์ความยากจนภายในประเทศ ถือว่าปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย มีประชากรที่ถือว่าเป็นคนจนร้อยละ 3.41 และคิดเป็นจำนวนคนจน 2.39 ล้านลดลงจากปีก่อนหน้า (2565) ที่มีสัดส่วนคนจนร้อยละ 3.79 อย่างไรก็ดี เนื่องจากเป็นการประเมินด้วยหลักเกณฑ์ภายในประเทศที่กำหนดเส้นความยากจนสูงกว่าเส้นความยากจนสากล จึงอาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยยังถือว่ามีคนจนขั้นต่ำสุดอยู่และยังไม่บรรลุเป้าหมายในการยุติความยากจนตาม SDG1 แม้สถานการณ์ความยากจนมีแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้น แต่กลุ่มคนบางกลุ่มมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความยากจน เนื่องจากอยู่ในสถานะที่เปราะบางและมีระดับความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับเส้นความยากจน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะตกอยู่ในภาวะยากจนได้

ส่วนผลการประเมิน SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปีที่ 3 ของประเทศไทยบรรลุสถานะดังกล่าวตามเกณฑ์ของรายงาน SDR นั้น ปีนี้รายงานใช้ข้อมูล 4 ตัวชี้วัด ได้แก่ (1) ร้อยละของเด็กอายุ 4 – 6 ปีที่ได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนประถมศึกษา  (2) อัตราการเข้าเรียนสุทธิในระดับประถมศึกษา (3) อัตราการสำเร็จการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และ (4) อัตราการรู้หนังสือของประชากรอายุ 15 – 24 ปี  ข้อมูลจากรายงานระบุว่าประเทศไทยบรรลุเป้าหมายทั้ง 4 ตัวชี้วัดส่งผลให้ SDG4 อยู่ในสถานะบรรลุแล้ว (สีเขียว)

ขณะที่สถานการณ์ภายในประเทศฉายภาพความเป็นจริงที่ต่างกันพบข้อเท็จจริง เช่น รายงานสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาปี 2567 และทิศทางสำคัญในปี 2568 โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยว่าในปีการศึกษา 2567 มีนักเรียนกว่า 3 ล้านคนที่อยู่ในครัวเรือนภายใต้เส้นความยากจน (poverty line) ของประเทศไทย โดยมีนักเรียนยากจนพิเศษระดับอนุบาล จนถึงมัธยมศึกษาตอนต้นในครัวเรือนยากจนที่สุด 15% แรกของประเทศ จำนวน 1,348,735 คน  ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่ยังคงฝังรากลึก และยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม  ดังนั้น การประเมินสถานการณ์ด้านการศึกษา จึงไม่อาจพิจารณาเฉพาะข้อมูลด้านรายได้หรือจำนวนผู้เรียนเท่านั้น เพื่อตอบคำถามจำเป็นต้องอาศัยชุดข้อมูลในมิติอื่น ๆ ร่วมวิเคราะห์ควบคู่กันไปด้วย เช่น สถานะทางสังคมของครัวเรือน การเข้าถึงบริการพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้

สถานะบรรลุเป้าหมายแล้ว (สีเขียว) คือ SDG1  ยุติความยากจน และ SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ

| ประเด็นวิกฤติของปี 2568 

สำหรับเป้าหมายที่มีสถานะท้าทายมาก (สีแดง) มีทั้งสิ้น 6 เป้าหมาย เพิ่มขึ้น 1 เป้าหมายจากปี 2567 ได้แก่ SDG2 (ยุติความหิวโหย) SDG3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) SDG11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน) SDG14 (ทรัพยากรทางทะเล) SDG15 (ระบบนิเวศบนบก) และ SDG16 (สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง)

เป้าหมายและตัวชี้วัดที่มีความท้าทายมากของประเทศไทย จาก SDG Index ปี 2568 ได้ดังนี้

  • SDG2 ยุติความหิวโหย – ปีนี้มีความท้าทายมากในตัวชี้วัดเรื่อง ดัชนีการจัดการไนโตรเจนอย่างยั่งยืน (Sustainable Nitrogen management index) และการส่งออกยาฆ่าแมลงที่เป็นอันตราย ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร
  • SDG3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี – มีความท้าทายมากในตัวชี้วัดเรื่องอุบัติการณ์ของวัณโรค และอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
  • SDG11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน – มีความท้าทายมากในตัวชี้วัดเรื่องความเข้มข้นเฉลี่ยรายปีของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 (μg/m³) มีแนวโน้มที่ถดถอยลง และสัดส่วนของประชากรที่เข้าถึงขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก ที่ไม่มีข้อมูล
  • SDG14 ทรัพยากรทางทะเล – ปีนี้มีความท้าทายมากในตัวชี้วัดเรื่องพื้นที่ทางทะเลที่มีความสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่ได้รับการคุ้มครอง และดัชนีสุขภาพมหาสมุทรในคะแนนความสะอาดของน้ำทะเล
  • SDG15 ระบบนิเวศบนบก – ปีนี้มีความท้าทายมากในตัวชี้วัดเรื่องพื้นที่แหล่งน้ำจืดที่มีความสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่ได้รับการคุ้มครอง ดัชนีบัญชีชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม (Red list index of species survival) และ
  • SDG16 สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง – ปีนี้มีความท้าทายมากในตัวชี้วัดเรื่องอัตราการฆาตกรรม* ดัชนีการรับรู้การทุจริตคอร์รัปชัน (Corruption perception index) และระดับความชอบด้วยกฎหมายของการเวนคืนและความเป็นธรรมในการจ่ายค่าชดเชย 

หมายเหตุ: *ฐานข้อมูลสากลของตัวชี้วัดนี้ คือ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้ยกเลิกข้อมูลอัตราการฆาตกรรมต่อประชากรแสนคนของไทยเดิมที่ใช้ประกอบการประเมินใน SDG Index ปี 2564 ซึ่งเป็นข้อมูลจากปี 2560 (ค.ศ. 2017) ด้วยเหตุผลทางสถิติและมีข้อมูลล่าสุดที่แสดงอยู่ในช่วงที่มีการดึงข้อมูลเพื่อจัดทำ SDG Index ปีนี้ (2568) คือข้อมูลในปี 2554 (ค.ศ. 2011) จึงทำให้ข้อมูลนี้อาจไม่สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน


อย่างไรก็ดี  แม้สามปีที่ผ่านมา (ปี พ.ศ. 2565 – 2567) ได้มีการรายงานคะแนน “ความมุ่งมั่นและความพยายามของรัฐบาลในการดำเนินการขับเคลื่อน SDGs” (Government Efforts and Commitments to the SDGs) แต่ยังคงมีการรายงานผลการทบทวนการดำเนินงานตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ระดับชาติโดยสมัครใจ (Voluntary National Review: VNR) พบว่า การส่งรายงาน VNRs 10 ปีที่ผ่านมาพบว่าในปีนี้มีสมาชิกสหประชาชาติ 190 ประเทศจากทั้งหมด 193 ประเทศที่ได้ส่งรายงาน VNRs ซึ่งพบว่าประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ 149 ประเทศ ได้นำเสนอรายงาน VNR มากกว่าหนึ่งครั้ง โดยประเทศที่ส่งรายงาน VNRs 2 ครั้ง จำนวน 95 ประเทศ ส่งรายงาน 1 ครั้ง 41 ประเทศ ส่งรายงาน 3 ครั้ง 44 ประเทศ ส่งรายงาน 4 ครั้ง 10 ประเทศ และยังไม่เคยส่งรายงานเลย 3 ประเทศ ได้แก่ เฮติ เมียนมา และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีสองหน่วยงานที่ไม่ใช่สมาชิกของสหประชาชาติ ได้แก่ สหภาพยุโรป และปาเลสไตน์ ที่ได้ส่งรายงาน VNRs ครั้งนี้

สำหรับประเทศไทย ได้มีการนำเสนอ VNR ต่อเวที HLPF ของสหประชาชาติไปในปี 2017   2021 และมีกำหนดจะนำเสนอครั้งที่ 3 ในเดือนกรกฎาคม ปี 2025 ที่จะถึงนี้

หมายเหตุ: ประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมด 193 ประเทศ โดยนับรวมประเทศที่ได้ระบุว่าจะนำเสนอรายงาน VNR ในปี 2025 ตามจดหมายที่ลงนามโดยประธานสภา ECOSOC เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2024 ข้อมูล จากเว็บไซต์ https://hlpf.un.org/vnrs


| คะแนน “การสนับสนุนของรัฐบาลในระบบพหุภาคีและการดำเนินการขับเคลื่อน SDGs ตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ”

สำหรับปี 2568 ได้มีการนำเสนอรายงานคะแนน “การสนับสนุนของรัฐบาลในระบบพหุภาคีและการดำเนินการขับเคลื่อน SDGs ตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ” (Government Support to UN-Based Multilateralism and the SDGs) เนื่องจากในปี 2558 (ค.ศ. 2015) ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการดำเนินการตามเป้าหมาย SDG 17 ในการยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงได้มีการประเมินความมุ่งมั่นและความพยายามของรัฐบาลในแต่ละประเทศในการสนับสนุนระบบพหุภาคีตามหลักการสำคัญของสหประชาชาติและการดำเนินการขับเคลื่อน SDGs

  1. การให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาหลักของสหประชาชาติ
  2. สัดส่วน (%) คะแนนเสียงที่สอดคล้องกับเสียงข้างมากของนานาชาติในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UN General Assembly: UNGA)
  3. การมีส่วนร่วมในองค์กรและหน่วยงานเฉพาะของสหประชาชาติ
  4. การมีส่วนร่วมที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งและทางการทหาร
  5. การใช้มาตรการบังคับแบบฝ่ายเดียว (unilateral coercive measures: UCMs)
  6. การสนับสนุนงบประมาณของสหประชาชาติและความร่วมมือระหว่างประเทศ

จากการประเมิน ได้สำรวจและจัดอันดับคะแนนดัชนีประเทศที่สนับสนุนการทำงานพุภาคีตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติประจำปี 2568 (UN-Mi) มีประเทศที่ถูกจัดอันดับทั้งสิ้น 193 ประเทศ มาตราส่วนคะแนน 0 – 100 ซึ่ง (0 = สนับสนุนน้อย และ 100 = สนับสนุนมาก)  โดยประเทศที่ติด Top 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ประกอบด้วย บาร์เบโดส (92.0 คะแนน) จาไมกา (86.5 คะแนน) ตรินิแดดและโตเบโก (86.5 คะแนน) มัลดีฟส์ (86.4 คะแนน) และแอนติกาและบาร์บูดา (86.2 คะแนน) ตามลำดับ ซึ่งมีคะแนนสูงกว่า 90%  ตรงข้ามกับประเทศ 5 อันดับสุดท้าย ประกอบด้วย โซมาเลีย (อันดับ 189) อิสราเอล (อันดับ 190) เกาหลีเหนือ (อันดับ 191) ซูดานใต้ (อันดับ 192) และสหรัฐอเมริกา (อันดับ 193) ที่ได้รับคะแนนต่ำกว่า 40% ส่วนประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับอยู่ที่อันดับ 24 ของโลก มีคะแนนอยู่ 79.4 คะแนน ขยับขึ้นจากอันดับที่ 74 ของโลกในปีก่อนหน้า


04 – บทส่งท้าย

สถานการณ์จากรายงาน SDR และ SDG Index ประจำปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ทวีความรุนแรงขึ้นในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อเหลือเวลาเพียงไม่ถึงห้าปีก่อนถึงเส้นตายปี 2030 ความก้าวหน้าในหลายมิติดำเนินไปอย่างเชื่องช้า และบางเป้าหมายกลับถดถอยลงจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น วิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำ ผลพวงจากโรคระบาด และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งนี้รายงานยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือพหุภาคี และการดำเนินการร่วมกันในระดับโลกเพื่อบรรลุ SDGs อย่างยั่งยืนและครอบคลุมในทุกมิติ โดยแม้ในบริบทที่โลกกำลังเผชิญความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ ผลการสำรวจของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP, 2024) ระบุว่า คนทั่วโลกร้อยละ 86 เชื่อว่า “ประเทศต่าง ๆ ควรร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกันในประเด็นอื่น ๆ เช่น การค้า หรือความมั่นคง”

เสียงสะท้อนแสดงให้เห็นว่าผู้คนยังคงให้ความหวังต่อการดำเนินการร่วมกันของประชาคมโลก และเป็นแรงผลักสำคัญที่ควรกระตุ้นให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะรัฐบาล ผู้นำท้องถิ่น ภาคธุรกิจ และประชาสังคม ผนึกกำลังเพื่อเร่งรัดการดำเนินงานด้านนโยบายและการลงทุนที่ตอบสนองต่อ SDGs อย่างจริงจังก่อนที่เส้นทางไปสู่เป้าหมายเหล่านี้ยากที่จะย้อนกลับ


● อ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
SDG Index 2025 ไทยขยับกลับสู่อันดับ 43 ของโลก ยังยืนหนึ่งในอาเซียน – พบ 6 เป้าหมายน่าห่วง ตกอยู่ในสถานะท้าทายมาก 
SDG Index 2024 ไทยรั้งอันดับ 45 ของโลก ร่วงลงมาสองอันดับจากปีก่อน ส่วน SDG1 และ SDG4 อยู่ในสถานะบรรลุเป้าหมายแล้วคงเดิม
SDG Updates | SDG Index 2023 สถานการณ์โลก – อาเซียน – ไทยหลังผ่านมาครึ่งทาง 
 SDG Index 2023 ไทยรั้งอันดับ 43 ของโลก อันดับ 3 ของเอเชีย พบ SDG1 และ SDG4 อยู่ในสถานะบรรลุเป้าหมายแล้ว
SDG Updates | เปิดรายงาน Sustainable Development Report 2022 และ SDG Index 2022
Director’s Note: 13: สถานะ SDGs ประเทศไทย SDG Index vs รายงานความก้าวหน้าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย พ.ศ. 2559-2563
SDG Insights | Inside SDG Index: ไขข้อข้องใจ SDG Index – ไทยยั่งยืนกว่าสิงคโปร์จริงหรือ? และอันดับ SDG Index เป็นผลงานรัฐบาล คสช. และ พปชร. หรือไม่ เพียงใด ?
SDG Insights | Inside SDG Index : เจาะลึก SDG Index 2021 ของประเทศไทย
SDG Updates | เปิดรายงาน Sustainable Development Report และ SDG Index 2021
Director’s Note: 05 สิ่งที่ควรเข้าใจก่อนอ่าน Sustainable Development Report และSDG Index
SDG Insights | สถานะประเทศไทยจาก SDG Index: 4 ปีผ่านไป อะไรดีขึ้นหรือแย่ลงบ้าง ? 

ประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ
#SDG1  ยุติความยากจน
#SDG2  ยุติความหิวโหย
#SDG3 สุขภาพเเละความเป็นอยู่ที่ดี
#SDG4 การศึกษาที่มีคุณภาพ
#SDG5 ความเท่าเทียมทางเพศ
#SDG6 น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล
#SDG7 พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้
#SDG8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
#SDG9 โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม เเละอุตสาหกรรม
#SDG10 ลดความเหลื่อมล้ำ
#SDG11 เมืองเเละชุมชนที่ยั่งยืน
#SDG12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
#SDG13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
#SDG14 ทรัพยากรทางทะเล
#SDG15 ระบบนิเวศบนบก
#SDG16 สังคมสงบสุข ยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง
#SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน


อติรุจ ดือเระ และ แพรวพรรณ ศิริเลิศ – เรียบเรียง
วิจย์ณี เสนแดง – ภาพประกอบ

Last Updated on กรกฎาคม 16, 2025

Author

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นและรายละเอียดของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับและใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารองค์ความรู้ของ SDG Move เท่านั้น
* หมายถึง ข้อมูลที่จำเป็น